วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รัฐบาล-ทหาร-สภาฯ และฐานทัพ

"กวม" เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก แม้จะมีขนาดกระจ้อยร่อย พื้นที่กินอาณาบริเวณแค่ 500 กว่าตารางกิโลเมตร ประชากรก็มีอยู่เพียงแสนคนเศษ แต่ถ้าวัดกันจากขุมพลังทาง "การทหาร" แล้วจะพบว่า ไม่ได้เล็กเหมือนกับขนาดของเกาะเลย!
โดย...เปลว สีเงิน
พวกเราจะเชื่อใคร ระหว่าง "ยิ่งลักษณ์-สุรพงษ์-สุกำพล-ปลอดประสพ" ที่บอกนาซาจะขอใช้อู่ตะเภาขึ้นบินดูลม ๒ เดือนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการทหาร กับที่ "นายลีออน พาเนตตา" รมว.กลาโหมสหรัประกาศที่สิงคโปร์...สหรัจะจัดสมดุลอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนี้ใหม่ ด้วยการย้ายที่ตั้งกองกำลังทหาร และกองทัพเรือ ๖๐% กลับมาประจำการในภูมิภาคของเพื่อนเก่าอีกครั้ง!
    เพียงไม่ได้ระบุให้ชัดลงไปเท่านั้นว่า ที่จะกลับเข้ามาตั้งฐานทัพในภูมิภาคนี้นั้น ก็เพื่อ "คานอำนาจ" กับจีน เพราะถ้าขืนปล่อยให้จีนเป็น "ขาใหญ่" คุมภูมิภาคนี้ 
    สหรัฐมีโอกาส...เดี้ยง!
    เพราะไทยเป็น "จุดยุทธศาสตร์" การขนส่งน้ำมันและสินค้าทางทะเลจากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทะลุสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เป็นตัว "ย่นโลก" ในการขนส่งจากตะวันออกกลางสู่ประเทศแถบแปซิฟิกทั้งหมด โดยเฉพาะสหรัฐ
    ก็ตรง "ช่องแคบมะละกา" ปลายติ่งที่เชื่อมไทย-มาเลย์-สิงคโปร์ นั่นไง!
    การลำเลียงน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซีย ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ มหาสมุทรอินเดียนั้น การจะไปสู่ปลายทางของประเทศของอีกฝั่งมหาสมุทรหนึ่งคือ แปซิฟิกและคาบสมุทรอินโดจีนทั้งหมด ต้องมา "ลอดช่องแคบ" จากตรงนี้ 
    และถ้าวันไหน "จีน-สหรัฐ" เกิดงัดข้อกันขึ้นมา แค่จีน "คุมเชิง" ไม่ให้เรือบรรทุกน้ำมันสหรัฐผ่านช่องแคบมะละกาแค่นั้น
    ถ้าเรือรบ-เรือบินสหรัฐ ใช้น้ำทะเลแทนน้ำมันได้ นั่นก็แล้วไป! 
    นี่คือสาเหตุที่ทั้งนาซา-เพนตากอน ต้องมาเสนอเงื่อนไขกับรัฐบาลทักษิณ ขอใช้อู่ตะเภา เพราะคุณสมบัติพิเศษของอู่ตะเภาเป็น ๒ เพศ เป็นท่าจอดเรือรบก็ได้ เป็นสนามบินที่เครื่องเล็ก-ใหญ่ขึ้นลงได้ทั้งนั้น 
    นาซามาในมาดนักวิจัยลม ส่วนเพนตากอนมาในมาดปิศาจคราบนักบุญ  อ้างมนุษยธรรม ฝนตก-น้ำท่วมที่ไหนจะได้แจวเรือรบไปช่วย!
    รัฐบาลน้องสาวทักษิณเขาเชื่อ สุกำพลรัฐมนตรีกลาโหมเพื่อทักษิณ เขาก็เชื่อ แต่ดูเหมือนเหล่าทัพทั้งหลาย "ไม่อยากจะเชื่อ" รวมทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ที่ไม่ใช่ทาสระบอบทักษิณ เขาอยากให้รัฐบาลนำเรื่องเข้ารัฐสภาพิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๙๐
    แต่รัฐบาล โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศเพื่อทักษิณ บ่ายเบี่ยง อ้างว่ากฤษฎีกาดูแล้วบอก ไม่เข้าข่าย ๑๙๐ วรรค ๒ คือไม่ต้องให้รัฐสภาพิจารณา 
    แค่ให้ ครม.ทักษิณเห็นชอบวันนี้ (๑๙ มิ.ย.๕๕) ก็พอแล้ว!?
    เอาล่ะ...อาจแค่ให้ใช้ดูลมตาที่รัฐบาลบอกก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ รัฐบาลที่ไม่มีเครดิตให้ประชาชนเชื่อถือ พูดอะไร ใครก็ไม่เชื่อ ผมอยากให้ติดตามอ่านที่ท่านอาจารย์ "เขียน ธีรวิทย์" แจงประเด็นไว้ที่หน้า ๔ ไทยโพสต์ มีทั้งหมด ๕ ตอน  อย่าพลาดเชียว
นับตั้งแต่ยุคหลังเกิดเหตุช็อกโลก สมาชิกกลุ่มก่อการร้าย "อัล ไคด้า" ของนายโอซามา บิน ลาเดน ก่อวินาศกรรมโจมตีผืนแผ่นดินสหรัฐ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ผสมผสานกับกระแสต่อต้านฐานทัพสหรัฐของ "คนท้องถิ่น" ในหลายชาติทั่วเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ กองทัพสหรัฐจึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางทหารในภูมิภาค "เอเชีย-แปซิฟิก" ครั้งใหญ่ เพิ่มทั้งกำลังทหารและขนอาวุธไฮเทคน้อยใหญ่ เข้าไปประจำการในฐานทัพบนเกาะกวมอย่างต่อเนื่อง


    และพอดี คุณ thanong khanthong (thanongkhanthong@gmail.com)  ได้สรุปประเด็นเป็นการ "ขมวดปัญหาโลก" ในเรื่อง "ไม่รู้ผู้ก่อการร้ายมาฝังตัวบ้านเราหรือยัง สถานการณ์น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง" มาให้อ่านตั้งแต่วันเสาร์  เพื่อเห็นโลก-เห็นปัญหากว้างขึ้น ขออนุญาตนำเผยแพร่ ดังนี้
    "Panel to discuss use of U-Tapao - The Nation"  
    เอาจนได้ ประวัติศาสตร์กำลังจะย้อนรอย ขณะนี้ซีเรียกำลังจะเป็นสมรภูมิแล้ว เพราะว่ากองกำลังทหารต่างชาติหมื่นกว่านายได้แทรกซึมเข้าไปในประเทศเรียบร้อยแล้ว
    กองกำลังทหารต่างชาติและกบฏภายในประเทศพยายามจะล้มประธานาธิบดีอาซัด โดมิโนตัวสำคัญ ก่อนที่จะลุยอิหร่านเป็นรายต่อไป  เหมือนๆ กับที่ได้ล้ม ลิเบีย อิรัก อัฟกานิสถาน มาแล้ว
    แต่จะล้มซีเรียคงจะไม่ง่าย เพราะว่าจีนและรัสเซียได้ออกมาเตือนว่า ถ้าซีเรียถูกรุกรานจากภายนอก จะส่งกองกำลังไปช่วย
    ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกำลังพุ่งสู่จุดอันตราย เพราะมีโอกาสมากที่สงครามจะขยายวงกว้าง กระทบมาถึงประเทศไทยด้วย
    อิหร่านจะต้องช่วยยันซีเรียให้ถึงที่สุด ก่อนที่ตัวเองจะเป็นเป้ารายต่อไปของอภิมหาสงครามที่กำลังก่อตัวทะมึนอยู่ข้างหน้า
    ซีเรียสนับสนุนกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ มุสลิมปีกหัวรุนแรงที่เลบานอน ซึ่งเป็นศัตรูหลักของอิสราเอล ฮิซบุลเลาะห์ต้องการทำลายยิวให้สิ้นซาก ยิวก็อยากจะบุกบอมบ์อิหร่านให้รู้แล้วรู้รอด
    ที่ระเบิดขาขาดก่อการร้ายในซอยปรีดี สุขุมวิท 71 เมื่อต้นปีนี้ ยิวบอกว่าเป็นพวกฮิซบุลเลาะห์ต้องการทำลายยิวในไทย สุดท้ายเรื่องก็เงียบไปเหมือนเป่าสาก
    ทั้งยิว ซีเรีย อิหร่าน ต่างกำลังเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด โดยมีมหาอำนาจคอยหนุน แบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน ใครดี-ใครอยู่ คงได้เห็นกันในเร็ววันนี้  แต่ประเด็นที่สำคัญ ถ้าสหรัฐและพันธมิตรบุกซีเรีย ไทยจะถูกดึงเข้าไปร่วมวงด้วย


    เพราะว่าสหรัฐจำต้องใช้อู่ตะเภาเป็นฐานบำรุงกำลัง โลจิสติกส์ เป็นที่เติมน้ำมัน ใช้ดาวเทียมเพื่อบังคับเครื่องบินไร้คนขับ เชื่อมโยงกับสงครามอิหร่านที่จะตามมา และการปิดล้อมจีนในภูมิภาคนี้ ประเทศไทยกำลังเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญในภูมิภาคนี้ ในอภิสงครามที่กำลังก่อตัวขึ้น
    Thai-US Panel to discuss use of U-Tapao - The Nation ข่าวนี้เป็นข่าวสำคัญที่กำลังจะตัดสินความเป็นความตายของประเทศไทย เพราะดูเหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานในการทำอภิมหาสงคราม 
    เรื่องความร่วมมือป้องกันภัยพิบัติธรรมชาติระหว่างไทยและสหรัฐที่อู่ตะเภาเป็นนิทานหลอกเด็ก ขณะนี้ได้ข่าวว่า ทางสหรัฐอเมริกาเริ่มขนคน  อุปกรณ์ทางทหารเข้ามาประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการตรวจสอบ
    ผู้นำอิหร่านได้ประกาศก้องว่า "มือผู้ใดที่ทำร้ายมุสลิม มือผู้นั้นจะถูกตัดให้ขาด" ไม่รู้ว่าคนที่เซ็น MOU เรื่องอู่ตะเภากับสหรัฐ รู้เรื่องนี้หรือเปล่า จีนก็ออกมาเตือนไทยอย่างลับๆ ว่า
    "ไทยยังคงเป็นมิตรกับจีนหรือเปล่า?"
    รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังนำพาประเทศไทยเข้าสู่มหันตภัย เพราะว่าเรากำลังเลือกข้าง แทนที่จะวางตัวเป็นกลางในอภิมหาสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น
    เขมรฉลาดกว่าไทยเยอะ มือซ้ายรับความช่วยเหลือจากจีน มือขวาก็รับจากสหรัฐ เล่นได้ทั้งนั้น อินเดียบอกกับสหรัฐอย่างไม่เกรงใจว่า "ยูอยากจะรบกับจีนก็เรื่องของยู แต่อย่าเอาไอไปเกี่ยวข้องด้วย" แถมบอกด้วยว่า "ห้ามเอาดินแดนหรือทะเลของไอเป็นฐานของยูในการรบกับจีน"!
    สหรัฐถึงกับใบ้รับประทาน!
    แต่ไทยกำลังทำตัวไร้เดียงสา ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ช้างสารกำลังจะฟัดกัน เราเป็นมด ต้องรู้จักหลบหลีกในหญ้าแพรก ได้ข่าวว่า ทหารกลุ่มหนึ่งได้เข้าพบยิ่งลักษณ์เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย ที่เราจะยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพ
    แต่คงจะไม่มีผลอะไรมาก เพราะว่าน้องสาวทักษิณคนนี้ได้ตัดสินใจแล้ว  เป็นเรื่องประโยชน์เฉพาะตนทั้งนั้น คือ 1.อยู่ฝ่ายสหรัฐได้ประโยชน์ 2. มีสหรัฐหนุนเสถียรภาพของรัฐบาล
    คอบราโกลด์ที่เราจะฝึกทหารร่วมกับสหรัฐและพันธมิตรเพื่อนบ้านที่เมืองไทย จะเป็นจุด "หัวเลี้ยวหัวต่อ" ที่สำคัญ เพราะสหรัฐจะส่งทหารเข้าร่วมฝึกเต็มพิกัด รวมทั้งขนอาวุธเข้ามาอู่ตะเภาด้วย
    @paisalvision : การฝึกคอบราโกลด์ที่ภาคเหนือเที่ยวนี้มาแปลก สหรัฐขนทหารเข้ามากที่สุดจาก ๕,ooo คน เป็น ๓๐,๐๐๐ คน และมีทหารยิวอีก ๕,ooo  คน อาวุธหนักเพียบ มาแล้วคงจะอยู่ยาวเลย?
    ตอนที่ไทยอนุมัติให้สหรัฐใช้ฐานทัพอู่ตะเภาสมัยรัฐบาลถนอม ก็ตกลงกันแค่กระดาษแผ่นเดียว ไปๆ มาๆ ประเทศไทยกลายเป็นฐานทัพของสหรัฐในการถล่มอินโดจีน มีเครื่องบิน B-52 สามารถบรรทุกระเบิดได้ 300 ตัน มาลงเติมน้ำมัน ตอนนั้นเราไม่มีอำนาจอธิปไตย เป็นเมืองขึ้นทางทหาร เพราะเครื่องบินเขาจะขึ้นจะลง จะขนอาวุธอะไรมา เขาไม่แจ้งให้เราทราบ


    ตอนนี้คงไม่ต่างกันมาก ถ้าเรายอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานภัยพิบัติ  ต่อไปอู่ตะเภาจะเป็นฐานทัพสหรัฐอย่างสมบูรณ์แบบโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว!!!
    ถึงตอนนั้นจะสายเกินไป เพราะว่าจีนจะทยอยลดระดับความสัมพันธ์ทางการค้า การทูตกับไทย ประเทศมุสลิมทั้งหลายที่กำลังรวมตัวกันต่อต้านสหรัฐและพันธมิตร ก็จะถือว่าเราเป็นศัตรูกับเขาไปด้วย
    ประเทศมุสลิมทั้งหลายที่กำลังรวมตัวกันต่อต้านสหรัฐและพันธมิตร ก็จะถือว่าเราเป็นศัตรูกับเขาไปด้วย ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกับตอนสงครามเวียดนาม ตอนนั้นเป็นสงครามจำกัดวงเฉพาะในอินโดจีน ไม่ได้ขยายวงกว้าง  แต่ตอนนี้สงครามจะขยายวงกว้าง มีความเป็นไปได้สูงที่จะพัฒนาเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3
    ที่จริงเรื่องอู่ตะเภาเป็นเรื่องใหญ่ เป็นความเป็นความตายของประเทศ จำต้องได้รับการถกเถียงกันในสภาฯ ท้ายที่สุดแล้ว จะเข้าเงื่อนไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 190 หมายความว่ารัฐสภาจะเป็นผู้อนุมัติหรือไม่อนุมัติเรื่องอู่ตะเภา  เพราะเป็นเรื่องสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
    พูดกันอย่างกว้างๆ ตะวันออกและตะวันตกกำลังจะเผชิญหน้ากัน เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นผู้นำโลกในหลายๆ ร้อยปีที่จะตามมา ที่ผ่านมา 400-500 ปี  ตะวันตกครองโลกผ่านวิทยาการที่ก้าวหน้ากว่า การทหารที่เข้มแข็งกว่า อันนำมาสู่ลัทธิล่าอาณานิคม
    - ผู้นำโลกตะวันตกหรือโลกเสรีขณะนี้คือ อังกฤษ สหรัฐ ผู้นำโลกตะวันออกคือ จีน และรัสเซีย
    - ฝ่ายแรกมีอาวุธทันสมัยกว่า มีแสนยานุภาพที่น่าสะพรึงกลัว 
    - ฝ่ายหลังได้เปรียบที่ประชากรมากกว่าหลายเท่า อาวุธเทคโนโลยีไม่ห่างกันมาก
    ฝ่ายตะวันออกหลักจะมี จีน รัสเซีย ประเทศในกลุ่มโซเวียตเดิม อินเดีย  ปากีสถาน อิหร่าน อัฟกานิสถาน และมุสลิมหลักๆ
    ฝ่ายตะวันตกคือ อังกฤษ สหรัฐ ยิว ซาอุฯ พันธมิตตะวันออกกลาง และนาโต
    ดูกันดีๆ เหมือนกับเป็น "สงครามครูเสด" สมัยใหม่!?
    ถ้าเราดำเนินนโยบายต่างประเทศผิด ประเทศไทยจะล่มจมทันที  เพราะฉะนั้น เราต้องต้านการใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพสหรัฐ ถ้าเรา "ชักศึกเข้าบ้าน" การก่อการร้ายจะตามมา ไม่รู้ว่า "ผู้ก่อการร้าย" มาฝังตัวกันแล้วหรือยัง สถานการณ์น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง?....



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
ภาพจาก Internet
www.thaipost.net
www.marinerthai.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น