โสภณ องค์การณ์ |
สภาพเมืองไทยเหมือนกับความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก การเมืองวุ่นๆ อยู่กับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าการแก้ไขปัญหาปากท้องของชาวบ้าน พยายามผลักดันร่างกฎหมายปรองดองในบรรยากาศของความขัดแย้งในสภา และนอกสภา ทั้ง 2 ประเด็นเพียงเพื่อตอบสนองปัญหาของคนหนีคุกกำลังป่วยหนัก
ป่วยด้านร่างกาย สังขารร่วงโรยร้ายแรงมากแค่ไหน ดูสภาพใบหน้า ท่าทาง น้ำเสียง บ่งบอกถึงอาการไม่ปกติสุขแน่นอน โผล่หน้าออกจอทีวีแต่ละครั้ง สาวก ทาสเงิน และผู้คนซึ่งเกลียดชังได้สังเกต เห็นความแปรเปลี่ยน ซูบซีดโทรมรวดเร็ว
เมื่อสุขภาพกายเป็นปัญหา ขึ้นอยู่กับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจะวิเคราะห์ แต่ชาวบ้านทั่วไปผู้ติดตามพฤติกรรมของคนหนีคุกรายนี้เชื่อได้ว่าปัญหาสุขภาพจิต น่าจะรุนแรง ร้ายกาจ บั่นทอนสุขภาพกาย ทำให้การคิด ตัดสินใจผิดพลาดซ้ำซาก
ยิ่งมีอารมณ์จมปลักอยู่ในความแค้น ผิดหวัง ความโลภในทรัพย์สิน อำนาจอย่างไร้จิตสำนึก ลืมบุญคุณแผ่นดิน ไม่คำนึงถึงอนาคตของคนรุ่นต่อไป รวมทั้งญาติโกโหติกา โคตรเหง้าเหล่ากอ สืบเนื่องจากบรรพบุรุษ ซึ่งได้มาอาศัยหากินอยู่บนแผ่นดินผืนนี้มา 2-3 ชั่วคน แล้วจู่ๆ มาทึกทักว่าตัวเองต้องเป็นใหญ่เหนือคนอื่นๆ
ชาวฟิลิปปินส์ประท้วงไม่พอใจสหรัฐเพิ่มกำลังทหาร |
โดยพฤติกรรม และหลักฐานคำให้การในศาล บ่งบอกชัดว่าตัวปัญหาแผ่นดิน เหลี่ยมร้ายนั้น ต้องการอยู่เหนือทุกคนในประเทศไทย ใช้เงิน อำนาจ เปิดทางสู่เป้าหมาย ไม่คำนึงถึงความสูญเสียในทรัพย์สินแผ่นดิน ชีวิตคน เหยื่อทาสน้ำเงิน
ความเหิมเกริมในอำนาจ สั่งสมุนลิ่วล้อ ผีโม่แป้งให้แตกหัก แหกกฎหมายด้วยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามใจตัวเอง ร่างกฎหมายปรองดองฉาบหน้า เพื่อนิรโทษกรรมตัวเองรอดพ้นจากคุก คดีอาญา หลุดสภาพอภิมหาวายร้าย เดินหน้า ไม่หวั่นหน้าอินทร์หน้าพรหม ใครจะเป็นจะตายก็ช่างมัน ตามคำประกาศอหังการ
นึกว่ามีเสียงในสภา มีกองกำลังชนเผ่าเสื้อแดง หน่วยติดอาวุธ แล้วจะง่าย! ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทาสเงิน มีมันสมอง สติปัญญา ไม่ได้กินแกลบรำ ย่อมทนไม่ได้ จะให้เหลี่ยมร้ายบงการเส้นทางชะตากรรมแผ่นดิน จึงรวมตัวคัดค้านต่อต้านอย่างเต็มที่ ทำให้แผนร้ายหยุดชะงัก ตัวเองช้ำในหัวอกแทบกระอักเลือด
คนญี่ปุ่นที่ Okinawa รวมตัวประท้วง ขอให้ฐานทัพอเมริกันย้ายออกไป |
อย่านึกว่าเหลี่ยมร้ายจะทำไม่ได้ เคยทำมาแล้วในเหตุเผาบ้านเผาเมืองในปี 2552-2553 สร้างความวินาศสันตะโรด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ประเทศไทยแปรสภาพเป็นเมืองอกแตก ชาวบ้านแบ่งกันเป็นสี เพื่อนบ้านขัดแย้ง หมางเมิน
การปลุกระดมล่าสุด เป็นสัญญาณให้เห็นวิกฤตซึ่งจะก่อตัว ถ้าลิ่วล้อเหลี่ยมร้ายหวังได้ลาภยศเงินตรา ระดมคนมาสร้างเงื่อนไขให้แตกหัก ล้มทุกระบบซึ่งเป็นรากฐานของแผ่นดิน ตัวเหลี่ยมร้ายและลูกๆไม่เสี่ยงตาย แต่สุขสบายอยู่ต่างประเทศ
พ.ต.ท.ทักษิณ กับ ครอบครัว ในบ้านที่อังกฤษ |
ยกแผ่นดินฐานทัพอู่ตะเภาให้สหรัฐฯ ใช้เพื่อประโยชน์อย่างเต็มที่! ฉากหน้าบอกว่าให้องค์กรอวกาศนาซ่าใช้เป็นฐานสำรวจสภาวะอากาศ และให้กองทัพอากาศสหรัฐฯทำงานด้านมนุษยธรรมให้ประชาชนในภูมิภาคนี้
สั่งให้รมต.กลาโหมสุกำพลไปยินยอมให้สหรัฐฯ ในการประชุมในสิงคโปร์ อ้างประโยชน์สารพัด คำถามคือทำไมต้องยอม? หวังให้เหลี่ยมร้ายเดินทางเข้าสหรัฐฯ อีกรอบเช่นนั้นหรือ? และทำไมสหรัฐฯ ต้องใช้แผ่นดินไทยทั้งๆที่มีเทคโนโลยีสุดยอด
มีฐานทัพลอยน้ำ มีกองเรือซึ่งจะเพิ่มกำลังรบในย่านมหาสมุทรแปซิฟิกในปี 2020 ด้วยความประสงค์จะแผ่อิทธิพลปิดล้อมจีน ขยายลัทธิครองความเป็นเจ้า
ไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นดินไทย เว้นแต่จะมีวัตถุประสงค์แฝงเร้น และใครจะสามารถตรวจสอบว่าเครื่องบินต่างๆนั้นเป็นการตรวจสอบสภาวะอากาศและเพื่อการจารกรรม? สหรัฐฯ มีดาวเทียมอยู่เต็มท้องฟ้า มีสถานีอวกาศ รู้ทุกอย่างในโลก
แต่ยังไม่รู้ชัดว่ายังมีคนไทยรักชาติ รู้ทันเหลี่ยมร้าย และรู้ทันสหรัฐฯ ปากบอกว่าเพื่อทำงานด้านมนุษยธรรม แต่ดูผลงานย้อนหลัง ล้วนแต่ใช้อำนาจบาทใหญ่ไปรุกราน ฆ่าฟันประชาชนแทบทุกภาคในโลก เช่น เวียดนาม ลาว เขมร ละตินอเมริกา
และยังเป็นปัญหาคาราคาซังคืออิรัก อัฟกานิสถาน นับไม่ถ้วน คนที่กองกำลังสหรัฐฯ เข่นฆ่าด้วยข้ออ้างสารพัดมากกว่าจำนวนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแน่นอน
ถ้าคนไทยยอมให้สหรัฐฯ ใช้ฐานทัพอู่ตะเภา เรามีปัญหาความสัมพันธ์กับจีนแน่ๆ เห็นพิษสงเหลี่ยมร้ายหรือยัง? นอกจากทำให้คนไทยเข่นฆ่ากันแล้ว ยังจะทำให้คนไทยมีปัญหากับชาติเพื่อนบ้าน สร้างวิกฤตในภูมิภาค! มันหนักแผ่นดินจริงๆ !!
สหรัฐฯ เตรียมสร้างฐานทัพในออสเตรเลีย:หวังคุมทะเลจีนใต้
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมประกาศข้อตกลงตั้งฐานทัพในออสเตรเลียที่จะไปเยือนในสัปดห์หน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับอิทธิพลของจีนที่พยายามอ้างสิทธิ์และประโยชน์เหนือภูมิภาค
ความตกลงดังกล่าวจะทำให้กองทัพเรือของสหรัฐฯ สามารถตั้งฐานทัพบริเวณชายฝั่งของออสเตรเลียเพื่อปฏิบัติการทางทหารได้และสามารถจอดเรือและคงกองกำลังได้ทั้งในลักษณะถาวรและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ฐานทัพดังกล่าวจะมีการร่วมฝึกซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ กับออสเตรเลียมากขึ้น ความเคลื่อนไหวทางทหารของสหรัฐฯ ดังกล่าวจะทำให้สหรัฐฯ สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
ข้อมูลดังกล่าวยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการตั้งฐานทัพของสหรัฐฯ นั้น จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดหรือไม่ แต่สหรัฐฯ จำเป็นต้องตัดงบประมาณค่าใช้จ่ายอีกประมาณกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพราะบรรเทาวิกฤตหนี้สาธารณะที่กำลังเผชิญอยู่ ขณะที่การขยายอิทธิพลทางทหารของสหรัฐฯ นั้นสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ เริ่มหันมาให้ความสนใจในภูมิภาคเอเชียอีกครั้งหลังจากพยายามถอนทหารออกจากอิรักและอัฟกานิสถาน
ทูตทหารออสเตรเลียประจำกรุงวอชิงตัน ”สหรัฐฯ พยายามเข้ามาแก้ไขปัญหาภายในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะกรณีข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในบริเวณทะเลจีนใต้ (South China Sea)” ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน Hong Lei กล่าวว่า “หวังว่าประเทศที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว (ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้) จะให้ความร่วมมือภายใต้กรอบทวิภาคี อันนำไปสู่ความมั่นคง สันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจีนส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกเข้าสู่น่านน้ำ ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ถูกมองว่าสร้างความท้าทายแก่กองทัพสหรัฐฯ เพราะถือว่ามีอำนาจเป็นรองสหรัฐฯ รวมทั้งปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของจีนที่กำลังขยายตัวไปทั่วโลก ชาติเอเชียหลายชาติกำลังหวาดกลัวภัยคุกคามจีนที่กำลังขยายอำนาจทางทหาร และเกรงว่าความมั่นคงที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของสหรัฐฯ จะเลือนรางไปเพราะแสนยานุภาพทางทหารจีนที่แผ่กว้างขึ้น ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังตัดลดงบประมาณทางด้านความมั่นคง
ฐานทัพของสหรัฐฯ ที่จะสร้างขึ้นมีแนวโน้มจะตั้งอยู่บริเวณเมืองดาร์วินทางชายฝั่งตอนเหนือของออสเตรเลีย ขณะที่อีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองเพิร์ธที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตะวันตก
“ในทางยุทธศาสตร์ เราต้องการให้ประเทศต่างๆ ที่เหลือ ในเอเชียแน่ใจว่าการปรากฏขึ้นของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอยู่ แม้ว่าในศตวรรษที่ 21 นี้จีนพยายามจะพัฒนากองกำลังขึ้นมา” Ernie Bower ผู้อำนวยการโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่งศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศ (Center for Strategic and International Studies) ซึ่งถือเป็น Think Tank ในกรุงวอชิงตันกล่าว
ทางการปฏิเสธที่จะลงลึกถึงรายละเอียดว่ากองทัพที่จะเข้ามาคงกองกำลังไว้นั้น มีทหารเรือกี่นาย หรือมีจำนวนเรือกี่ลำในบริเวณดังกล่าว โดยโอบามาจะประกาศในสัปดาห์หน้า รัฐมนตรีกลาโหม ลีออน พาเน็ตตา (Leon Panetta) กล่าวขณะเดินทางมายังเอเชียเมื่อเดือนที่แล้วโดยเขาให้คำมั่นว่าจะขยายอิทธิพลของสหรัฐมายังภูมิภาคนี้แต่จำเป็นต้องลดขนาดต้นทุนทางทหาร
การเยือนออสเตรเลียของโอบามาที่จะเกิดขึ้นนั้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีแห่งความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างสหรัฐอเมริกา-ออสเตรเลีย ตามสุนทรพจน์ของโอบามาแล้วเขาจะไปเยือนฐานทัพในดาร์วินและจะกล่าวสุนทรพจน์ร่วมกับนายกรัฐมนตรีจูเลีย จิลลาร์ด ให้แก่กองทัพออสเตรเลีย โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า เป้าหมายหนึ่งของการเยือนเอเชียของโอบามาก็คือการสามารถเดินทางเข้าสู่บริเวณทะเลจีนใต้ได้อย่างเสรี
หลังการประชุมกับออสเตรเลียเมื่อเดือนกันยายน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่าจะขยายความร่วมมือทางทหารเพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามและความท้าทายที่กำลังประสบ “ความมั่นคงและความสำเร็จของทั้ง 2 ชาติขึ้นอยู่กับความมั่นคงและความรุ่งเรืองของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”
รัฐมนตรีกลาโหมแห่งออสเตรเลีย สตีเฟน สมิธ กล่าวว่า การขยายความร่วมมือจะนำไปสู่ “การเข้าออกของเรือมากขึ้น การขึ้นลงของเครื่องบินมากขึ้น และจำนวนกองกำลังที่เข้าออกเพิ่มขึ้น”
ขณะที่ผู้ช่วยทูตทหาร McOwan กล่าวว่า “การเพิ่มกองกำลังของกองทัพเรือสหรัฐฯ จะช่วยส่งสัญญาณไปยังจีนว่า สหรัฐฯ มีเจตจำนงที่จะปกป้องความมั่นคงให้เกิดขึ้นในภาคพื้นทะเลแห่งภูมิภาค และภาคพื้นอากาศเพื่อเส้นทางการค้า การปรากฏขึ้นของกองทัพสหรัฐฯ จะทำให้ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคมั่นใจได้ว่า การเข้ามาเกี่ยวพันของสหรัฐฯ ในห้วงเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากจีนตั้งใจเข้ามาในภูมิภาคและเริ่มทำให้เกิดความสั่นคลอนทางด้านความมั่นคง”
และกล่าวเพิ่มเติมว่า โอบามามีแผนจะประกาศการคงกองกำลังไว้ “ไม่ได้มาเพื่อทำให้จีนหวาดกลัว” “แต่มาในเชิงสัญลักษณ์ มากกว่าจะแสดงท่าทีจริงจังเพื่อเป็นการข่มขวัญใคร”
สหรัฐเตรียมตั้งฐานทัพ บนเกาะสิงคโปร์
Details
Category: ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้
Last Updated on Wednesday, 11 April 2012 23:26
Published on Saturday, 07 April 2012 17:59
Hits: 116
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ลีออน พาเน็ตตา ประกาศในวันพฤหัสบดี เตรียมส่งกองกำลังเรือรบขนาดเล็กไปประจำการที่สิงคโปร์ พร้อมซ้อมรบร่วมบ่อยครั้งมากขึ้น
การประกาศนี้มีขึ้นหลังพาเน็ตตาเข้าพบกับรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ ง้อ เอง เฮง ที่ตึกเพนตากอน หลังจากที่สหรัฐเพิ่งส่งกองกำลังนาวิกโยธินชุดแรกไปยังออสเตรเลีย 200 นาย ก่อนที่จะเพิ่มกำลังขึ้นเป็น 2,500 นายตามที่ได้ตกลงไว้ในภายหลัง
รัฐมนตรีกลาโหมทั้งสองประเทศออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า การประจำการเรือรบสหรัฐในสิงคโปร์ และเพิ่มความถี่การซ้อมรบร่วมกัน จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงระหว่างสองประเทศ
นอกจากนี้ การวางกำลังเรือรบในสิงคโปร์ยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า สหรัฐมีความมุ่งมั่นต่อการเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงมีความจริงจังที่จะให้ความร่วมมือกับชาติพันธมิตรในภูมิภาค ซึ่งทั้งสองผู้นำต่างเห็นพ้องว่า อิทธิพลของสหรัฐในภูมิภาคจะช่วยค้ำจุนเสถียรภาพในพื้นที่ได้
ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สหรัฐเคยกล่าวว่า อาจส่งกำลังเรือรบขนาดเล็ก และเรือลาดตระเวนชายฝั่งไปยังสิงคโปร์ ซึ่งเพนตากอนชี้แจงว่า กองกำลังที่ประจำการในสิงคโปร์ จะเป็นกองกำลังหมุนเวียน และไม่ได้มีฐานทัพถาวรในสิงคโปร์แต่อย่างใด
โฆษกหญิงกระทรวงกลาโหมสหรัฐ นาวาโทเลสลีย์ ฮัล-ไรด์ กล่าวว่า ขณะนี้รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการส่งกำลังเรือรบไปยังสิงคโปร์ยังต้องมีการหารือเพิ่มเติม แต่เธอกล่าวว่า นโยบายนี้เป็นความคืบหน้าที่สำคัญของการพัฒนาความร่วมมือทางทหารระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ สหรัฐประจำกองกำลังขนาดเล็กในสิงคโปร์อยู่แล้วตามปกติ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการส่งบำรุงกำลังและด้านการฝึกซ้อม
จีนออกมาโจมตี
ด้านรัฐมนตรีกลาโหมจีนโจมตีการประจำการกองเรือของสหรัฐว่า เป็นความพยายามเพิ่มอิทธิพลทางทหารในทวีปเอเชีย ที่สะท้อนวิธีคิดในช่วงยุคสงครามเย็น
ในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐเคยแสดงความกังวลต่อท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นของจีน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาททะเลจีนใต้ ในขณะที่ชาติเอเชียอื่นๆ ค่อนข้างยินดีต่อการประจำการกำลังนาวิกโยธินสหรัฐในออสเตรเลีย เพราะมองว่าสามารถช่วยถ่วงดุลอิทธิพลกับจีนได้.
www.siamintelligence.com
allmylike.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น