วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เครือข่ายทักษิณ VS ศาล




ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- “คนชุดดำไม่ใช่ประเด็นการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ และไม่มีใครสงสัยว่า คนชุดดำเป็นคนเผา เพราะใส่ชุดอะไรก็เผาได้ทั้งนั้น แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า มีคนชุดดำแน่นอน มีชีวิตอยู่ มีการยิงต่อสู้ และมีการใช้อาวุธ โดยเป็นพวกตรงข้ามกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติงานนั้นก็ต้องใส่ชุดทหาร ไม่ใช่ใส่ชุดดำ” คำยืนยันอีกครั้งของอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถวิล เปลี่ยนศรี ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
       
       ถวิล ตอกย้ำพฤติกรรมของคนเสื้อแดงที่เปลี่ยนมาใส่สีดำ พร้อมอาวุธครบมือว่า
       
       "รับรองว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ผ่านมาก็มีการจับกุมได้ การที่นายธาริต ระบุไม่มีคนชุดดำเกี่ยวข้องนั้น ผมก็สงสัยว่าจะไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร เพราะมีการยิงเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ย่านสีลมกับแยกคอกวัว และจับกุมได้หลายคนตามที่มีหมายจับ รวมทั้งยังมีคนที่ยังจับไม่ได้"
       
ก่อแก้ว พิกุลทอง


       แต่การธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า การสอบสวนของดีเอสไอ ไม่พบว่ามีคนชุดดำเกี่ยวข้องกับคดีวางเพลิงเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ถูก ถวิลอธิบายว่า
       
       "นายธาริต คงพูดตามสำนวนคดีว่าที่เผาเซ็นทรัลเวิลด์ไม่มีคนชุดดำ เพราะไม่มีคนชุดดำ แต่ว่ามีผู้ตกเป็นผู้ต้องหาในการเผา และคิดว่าเป็นการพูดตามข้อเท็จจริง ก็ไม่ทราบว่าเป็นการพูดตามใบสั่งทางการเมืองหรือไม่"
       
       เสียคน..จนอาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ก็คราวนี้แหละ ธาริต !!
       
       ข้อเท็จจริงทั้งหมดของ “คนชุดดำ” ที่ยิงเจ้าหน้าที่ และประชาชนเพื่อโยนความผิดนั้น ไม่แตกต่างกับคำพูดของ “ไอ้ตู่ ไอ้เต้น ไอ้เหวง”
       
       ด้านหนึ่งบอกว่า ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของทักษิณอย่างสงบ อีกด้านหนึ่งระดมทั้งคนไทย คนเขมร จับอาวุธ มาฝึกการใช้ เพื่อผลักดันให้สถานการณ์บานปลาย
       
จตุพร พรหมพันธุ์


       หากินกับการหลอกลวงไปวันๆ
       
       นั่นทำให้ คนเหล่านี้ไม่สามารถใช้ความชำนาญในการโกหกกับความยุติธรรมได้
       
       ทำให้เครือข่ายทักษิณ จนเผชิญหน้ากับศาลยุติธรรมตลอดเวลา
       
       ไม่เว้นแม้กระทั่ง หัวโจกอย่างนายใหญ่ดูไบ ต้องหนีโทษแบบไม่มีแผ่นดินอยู่ โดยมีหมายจับอยู่ถึง 5 คดี ได้แก่
       
       1. คดีที่ดินรัชภิเษก หมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 หมายเลขแดงที่ อม.1/2550
       2. คดีหวยบนดิน หมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551
       3. คดีเอ็กซิมแบงก์ หมายจับศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2551
       
       4. คดีแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต หมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551
       5. คดีก่อการร้าย หมายจับคดีอาญาของศาลอาญา หมายจับเลขที่ 10862/2553
        
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
       
       หาก”พ่อของมึง” (ตามคำเรียกของมัลลิกา บุญมีตระกูล) กลับเมืองไทย คงต้องติดคุกหัวโต !!
       
       ขณะที่นักโทษคดีการเมือง หรือผู้ร่วมชุมนุมกลุ่ม นปช. ช่วงเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.2553 ที่สมาคมทนายความฯ พยายามยื่นเรื่องขอประกันตัว ได้แก่ นายโกวิท แย้มประเสริฐ ความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลักทรัพย์ และครอบครองวัตถุระเบิด และ นายประสงค์ มณีอินทร์ ข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.ก.วิทยุสื่อสาร และทรัพย์ รวมทั้งครอบครองวัตุระเบิด ซึ่งทั้งคู่มีโทษจำคุก 11 ปี 8 เดือน ปรากฏว่า ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน ซึ่งเห็นว่าเป็นข้อหาร้ายแรงเกรงว่าหากให้ประกันตัวอาจจะหลบหนี
       
       ขณะที่ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม ที่กระทำผิดข้อหาก่อการร้าย พ.ร.บ.อาวุธปืน และเป็นมือยิงจรวดอาร์พีจี เข้าใส่กระทรวงกลาโหม เมื่อปี 53 ส่วนนายเอนก สิงขุนทด กระทำผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ขณะที่นายคำหล้า ชมชื่น กระทำผิดข้อหาปล้นปืน ปรากฏว่า ศาลให้กลับไปทำเอกสารมาใหม่
       
       นายเพชร แสงมณี ชาวกัมพูชา ผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วางเพลิงเผาทรัพย์ และก่อการร้าย ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน เพราะเกรงว่าอาจจะหลบหนี เนื่องจากมีสัญชาติกัมพูชา
       
ธิดา ถาวรเศรษฐ์


       ส่วนลูกน้องพวกฮาร์ดคอร์ อย่าง ไอ้ตู่- คางคกที่เตรียมจะขึ้นวอ ก็ถูกตัวแทนศาลรัฐธรรมนูญรับมอบอำนาจจากศาลรัฐธรรมนูญให้ไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อให้มีคำสั่งถอนคำอนุญาตปล่อยชั่วคราว “จตุพร พรหมพันธุ์” อดีต ส.ส.เพื่อไทย ในคดีก่อการร้าย หลังจากเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายจตุพร ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยโจมตีการตีความของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับ มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ บริเวณหน้ารัฐสภา ถนนอู่ทอง โดยศาลอาญารับคำร้องไว้ และให้ออกหมายเรียกนายจตุพร มาสอบถามข้อเท็จจริงในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 09.00 น.
       
       ล่าสุด ศาลอาญาพิพากษาจำคุกไอ้ตู่ 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ในคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ขณะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ในระหว่างการแถลงข่าว ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 13 ม.ค.52 ว่า ไม่ถวายความเคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ ขณะเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทำตัวตีเสมอ เพราะในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนใดที่เข้าเฝ้าฯ และนั่งเก้าอี้เหมือนกับโจทก์
       
       ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทย เสนอกฎหมายปรองดอง โดยการเขียนคำพิพากษาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ทักษิณไม่มีความผิด
       
       มิหนำซ้ำยังเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนถูกร้องว่า เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
       
       โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่
       
       พรรคเพื่อไทย และเครือข่ายพยายามบ่อนทำลาย และกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไว้ก่อนล่วงหน้า
       
       จนกระทั่ง จรัญ ภักดีธนากุล ต้องถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้
       
ธาริต เพ็งดิษฐ์


       คำแถลงปิดคดีของพรรคเพื่อไทย และประธานรัฐสภา มีเนื้อหาที่สำคัญคล้ายๆ กันเกี่ยวกับ
       
       1. การชี้แจงว่าผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องว่า มีการกระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับเรื่องไว้พิจารณา เพราะความผิดตามมาตรา 68 กรณีการกล่าวหาล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ไม่สามารถยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
       2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อให้ ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้
       3. การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง
       
       ขณะที่ผู้ร้องอย่าง “วิรัตน์ กัลยาศิริ” ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และคนอื่นๆ ก็ได้ทำคำแถลงปิดคดีในลักษณะที่ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ มีการกระทำเป็นขบวนการเพื่อล้มล้างระบบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
       
       กระบวนการกดดันเพื่อให้การตัดสินทางกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญ “ผิด” แต่จะส่งผลดีต่อมวลชน ทำให้สภาทนายความ ต้องออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2555 ติงการข่มขู่ กดดัน การวินิจฉัยชี้ขาดคดีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 
       
       “มีบุคคล กลุ่มบุคคล และสมาชิกพรรคการเมืองบางคนได้แสดงความคิดเห็น หรือรวมตัว ชุมนุมในที่สาธารณะหรือบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะข่มขู่ กดดัน และชี้นำตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยคดีในทางที่เป็นคุณแก่ตนเองและพวกพ้อง เมื่อใดที่ศาลมีคำวินิจฉัยที่เป็นคุณแก่ตนเองและพวก พ้อง ก็จะชื่นชม ว่า มีความเป็นกลาง มีความยุติธรรม แต่เมื่อใดที่มีคำวินิจฉัยที่เป็นผลร้ายแก่ตนเอง และพวกพ้อง ก็จะกล่าวหาว่า ไม่มีความเป็นกลาง ไม่มีความยุติธรรม ซึ่งสภาทนายความได้ติดตามข่าวสาร ในเรื่องนี้ ด้วยความห่วงใย” แถลงการณ์ ของสภาทนายความอธิบายพฤติกรรมของแกนนำ นปช. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย
       
       “ การแสดงความคิดเห็นหรือรวมตัวกันในลักษณะข่มขู่ กดดัน และชี้นำตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็น การกระทำความผิดฐานข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือให้ละเว้นการ ปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และอาจเป็นการดูหมิ่น ศาลหรือผู้พิพากษา ในการพิจารณาพิพากษาคดีหรือกระทำการขัดขวางการพิจารณา และพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 139 และมาตรา 198 ซึ่งมาตรา 45 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติรับรองไว้” เนื้อหาที่เป็นการชี้ให้เห็นพฤติกรรมกฎหมู่ ของกลุ่ม นปช.
       
       พฤติกรรมกฎหมู่ของนปช. จะเห็นได้จากคำแถลงของ “นางแดงสมองเสื่อม” ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า
       
       “ หากสร้างผลลบกับประชาชน เราจะมาปรากฏตัวสัก 3แสนคน เพื่อบอกให้รู้ว่าเราไม่เอาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาจากคนไม่กี่คน มาลบล้างอำนาจประชาชนหลายสิบล้านคน กล้าทำได้อย่างไร ระบอบอำมาตย์ไม่ใช่คนคนเดียว แต่เป็นคนจำนวนมาก ที่ได้ผลประโยชน์ จึงกล้ามาชนกับประชาชน 50-60 ล้านคน เราต้องลุกขึ้นยืน บอกให้รู้ว่า ประชาชนไม่ยอมให้คนส่วนน้อยมาปู้ยี่ปู้ยำประเทศอีกต่อไป”
       
       นางแดงสมองเสื่อม คนนี้กล้าแอบอ้าง 50 ล้านคน เหมือนกำพืดของแกนนำนปช.หลายคนที่ชอบแอบอ้างมวลชนหลายสิบล้านคน
       
       โดยไม่เดินสำรวจตลาดดูว่า คนไม่เห็นด้วยกับพวกนี้ มีมากน้อยขนาดไหน
       
       ขนาดบ้านเกิดตัวเอง แดงสมองเสื่อมคนนี้ ยังไม่กล้ากลับ แล้วจะมาอ้างว่ามีคนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย
       
       “ ทั้งนี้ ขอให้แกนนำเสื้อแดงแต่ละจังหวัดเตรียมตัวให้พร้อมจัดประชุมร่วมกับมวลชน เผื่อไว้หากมีเหตุการณ์เลวร้าย”
       
       คำขู่ต่อศาลรัฐธรรมนูญยังโผล่มาจากปากเน่าของ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง
       
       “ หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการดำเนินการเพื่อล้มล้างการปกครอง พวกผมก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว และก็ขอให้คนเสื้อแดงร่ำลาครอบครัวเอาไว้ได้เลย เพราะจะเป็นการต่อสู้ที่แตกหักอย่างแน่นอน หากศาลวินิจฉัยเช่นนั้น ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คงจะไม่รับฟังคำตัดสินครั้งนี้แน่นอน และจะดำเนินการไปสู่การจับกุมศาล”
       
       ถึงขนาดถ้ามันไม่ได้อย่างที่ต้องการ ต้องมีการจับกุมศาลกันเลยหรือ !!??
       
       ถ้าคนไม่เห็นด้วย จับกุมพวกนปช.บ้าง ไปค้นบ้านก่อแก้ว แล้วติดประกาศ “เขตศาลเตี้ย-ประชาธิปไตยแบบไม่มีทักษิณ”
       
       น่าสนใจมากทีเดียว เพราะคนไม่เห็นด้วยนับสิบล้านคน กำลังจับตาดูพฤติกรรมพวกมีอำนาจแล้วเหิมเกริมอยู่
       
       ตรงกันข้ามกับกลุ่มนปช. ได้มีกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรือ ผทร. จากเขต จ.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เดินทางมายังสนามทุ่งศรีเมือง เทศบาลนครอุดรธานี กว่า 3,000 คน เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อเปิดเวที “ปกป้องตุลาการ กองทัพปลดแอกประชาชน เพื่อประชาธิปไตย” โดยมี นายคำพอง โครตทา หรือ สหายคำพอง กองกำลังหน่วยที่ 33 ภูซาง จ.หนองบัวลำภู นายคมสัน โพธิ์คง อ.คณะนิติศาสตร์ มสธ. และแกนนำของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จากจังหวัดต่าง ๆ สลับขึ้นปราศรัยให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมรับฟัง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่ กลุ่มนปช. ออกมาร่วมลงชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
       
       ต่อมาในวันที่ 4 ก.ค. กลุ่มมวลชนจากกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ในนามกองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุดนี้หลายร้อยคน ได้เดินทางมาปักหลักชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ฝั่งทิศเหนือ ติดถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อเป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และให้กำลังใจการทำหน้าที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
       
       ดูเหมือนว่า ทั้งระบบยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็น ศาลอาญา ศาลแพ่ง ทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา รวมทั้งศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ...เครือข่ายทักษิณกวาดมาเป็น “ศัตรู” ทั้งหมด !!
       
       แล้วประเทศนี้ พวกนี้ จะมีมิตรกี่คน !!

ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น