This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กรรมไล่เช็คบิลนักก่อเวร


โสภณ องค์การณ์
       ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
       
        เครือข่ายเหลี่ยมร้ายจำต้องอยู่ในฤดูกาลเลียแผล ประเมินความผิดพลาดจากผลพวงของความอหังการ! แกนนำชนเผ่าเสื้อแดงยังมีแผลเปื่อย แผลเรื้อรัง ชนักเก่าปักคาหลัง กากกลิ่นคุกยังไม่จาง ต้องเสียหน้า ได้แผลใหม่ย้ำ แค้นเดิม
        เมื่อเป็นไพร่ กากเดนแผ่นดิน ขี้ครอก ไร้ภูมิปัญญา สะเออะมาสู่วงจรอำมาตย์ ก็ได้รู้ซึ้งถึงความอ่อนด้อยในเกม เหลือเพียงความด้าน จิตวิญญาณโหดพร้อมใช้ความรุนแรง สถุล เถื่อน ถ่อย ข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม
        พฤติกรรมทรามตามที่ ส.ส.จ่าตำรวจชุดแดง เปิดจิตไต้สำนึกบรรยาย ถ้าไม่มีผู้สื่อข่าวท้วงติง จ่าสุรินทร์คงพูดต่อเรื่อยเปื่อย โชว์ความบ้องตื้นต่อเนื่อง
       เลียแผลยังไม่ทันแห้ง แกนนำชนเผ่าเสื้อแดงต้องเร่งหากิจกรรมใหม่ๆ แก้เกี้ยว กำหนดยุทธศาสตร์ความเคลื่อนไหวรอบใหม่ เพื่อ ผสมผสานกลุ่มต่างๆ ให้เข้าเป้า จัดชุมนุมให้เห็นว่ายังขบวนการเสื้อแดงยังเจ๋ง พร้อมลุยเละ
       แกนนำเสื้อแดงเสียหน้าครั้งนี้เสียหายหนัก เกมเสแสร้ง ทำเป็นปากเก่ง ขาสั่นใช้ตบตาชาวบ้านไม่ได้ผล เมื่อกลุ่มอื่นๆโชว์พลัง “กูไม่กลัวมึงโว้ย”
       ขบวนการถ่อยเถื่อน เคลื่อนไหวด้วยเงินเครือข่ายเหลี่ยมร้าย ต้องปรับลีลาท่าทาง หลอกปั่นหัว เป่าหูชาวบ้านเสื้อแดงให้จมปลักอยู่ในภาพลวง ยังหวังว่าตัวเองจะวางบิลแบบเดี่ยวๆ หรือผลงานหมู่ปอกลอกเหลี่ยมร้ายต่อไป
        เป็นยุทธศาสตร์ “แยกกันวางบิล ร่วมกันคุยเขื่อง สร้างความฝันลมๆ แล้งๆ ให้เหลี่ยมร้ายได้เสพติดต่อเนื่อง ว่าตัวเองจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ” โดยที่ตัวแกนนำ นักวางบิลต่างรู้ดีว่าเหลี่ยมร้ายไม่มีวันจะได้กลับมาบ้านตัวเป็นๆ
        ถ้าไม่โง่ หรือหลงเชื่อข้อมูลพวกเพ็ดทูล นักปอกลอก! เหลี่ยมร้ายน่าจะเอะใจว่าทำไมขบวนการพาตัวเองกลับบ้านเกิดจึงสะดุด ล้มเหลวซ้ำซาก! คงไม่รู้ว่าแม่นางโพยปูโพรกเน่าในอยู่แถวหน้าในกลุ่มพวกที่ไม่อยากให้กลับ
        อำนาจ วาสนา เงินตรา ยศถาบรรดาศักดิ์ ทำให้คนลืมตัว เป็นวัวลืมตีน หลงระเริงกับสภาพหัวโขน นึกว่าการครองอำนาจทุกวันนี้เพราะตัวเองเก่งกาจ
        น้องสาว หรือแท้จริงเป็น(?)...กำลังสนุกกับบทผู้นำ ตัวเองประหลาดใจไม่หาย มีสติปัญญาระดับนี้นั่งเก้าอี้นายกฯ ได้นานหลายเดือน! ทำให้เห็นได้ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเก่ง ฉลาดเกินคนเดินดิน
       
        คุณสมบัติ ไม่ต้องโดดเด่น เพียงพกพาความหน่อมแน้ม ไร้เดียงสา ตีหน้าแอ๊บแบ๊ว มีความอดทนของผิวหน้ายืนระยะ ก็ “เอาอยู่” แล้ว! เดินสาย ใช้มือชี้โบ๊ ชี้เบ๊ พวกสมุน ลูกขุนพลอยพยัก นักเชลียร์แว็กซ์ขน ก็เป็นปลื้มสุดๆ
        เป็นผู้นำคนแรกของโลก ใช้ความด้อยภูมิปัญญาเป็นยุทธศาสตร์นำร่องเชิงรุกเพื่อกุมอำนาจเชิงบูรณาการ สร้างฐานอำนาจของตัวเองเพื่อตีกินยาว
       พวกแกนนำเสื้อแดงนักวางบิลดิ้นรนอยากแก้แค้น แก้หน้า ต้องหาลูกเล่นใหม่! ต้องทำลายความน่าเชื่อถือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เครือข่ายอำมาตย์ กลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งต่อต้านเหลี่ยมร้ายทำให้แผนเจ้านายล่ม
       แกนนำเสื้อแดงสับสนเช่นกัน! จะจงรักภักดีต่อเหลี่ยมร้านคนหนีคุกอยู่แดนไกล หรือสวามิภักดิ์ต่อแม่นางโพยปูโพรกเน่าในที่เร่งกระชับอำนาจ สร้างเครือข่ายคนรู้ใจวัยเดียวกัน สร้างกลุ่มผลประโยชน์ใหม่!
       มั่นใจว่าเหลี่ยมร้ายไม่ได้กลับแน่ ตัวเองก็กุมอำนาจสูงสุด! อ่า! เลือดข้นกว่าน้ำก็จริงอยู่ แต่แม่นางโพยปูโพรกเน่าใน จะทำใจได้อย่างไร ถ้าตัวเองต้องหลุดจากเก้าอี้ผู้นำ ไปใช้ชีวิตไต้คำบัญชาพึ่งพาเหลี่ยมร้าย! รวยเองดีกว่าฟ่ะ!
       ผู้ทรงเกล็ดและแกนนำชนเผ่าเสื้อแดงยังขัดด้านยุทธศาสตร์ เปิดสภารอบใหม่ ใช่ว่าแผนเดิมจะได้ผล หวาดผวา ไม่รู้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเป็นคุณหรือโทษ กรณีใช้มาตรา 68 เร่งชะตากรรม! แกนนำเสื้อแดงแทบกระอักเลือด ได้แต่เป็นเด็กเลี้ยงแกะ โวยวายว่าทหารจะทำรัฐประหาร
       
        เหลี่ยมร้ายก็มองไม่เห็นโอกาสจะได้กลับบ้านในเร็ววัน แถมยังผีซ้ำด้ำ พลอย พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก โดยอัยการสูงสุดยื่นฟ้องศาลอาญาคดีนักการเมืองกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เงินก้อนใหญ่ มีเงื่อนงำเป็นหนี้เน่า
       แต่เดิมนั้นก็วางแผนดีดลูกคิดรางแก้ว เดินหมากหลายชั้น วางขั้นตอนให้ผู้ทรงเกล็ดทาสในสภาแก้รัฐธรรมนูญ ร่างกฎหมายปรองดองรวบยอด ดันไปเจออุปสรรค ถ้าขืนดันทุรัง เครือข่ายเสี่ยงต่อการเข้าปิ้ง ปูโพรกเน่าในเดี้ยงแน่
        คดีเก่ายังเป่าไม่ได้ แถมมีคดีร้ายแรงใหม่มาประจานความฉ้อฉล! ทั้งคดีเน่าในธนาคารกรุงไทย ยังโดนรื้อฟื้นคดีฉกธรณีสงฆ์ สนามกอล์ฟอัลไพน์ธรรมมิการาม เสนาบดีมหาดไทยคนหัวขาวเดินตามก้นปูโพรกเน่าในอนาคตไม่สวย
        จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอีกได้นานเท่าไหร่ คงต้องเริ่มนับวันถอยหลัง! จะเสียหายต่อเนื่องเมื่อฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เหลี่ยมร้ายจะโดนลากเข้าห้องเชือด เปิดแผลเก่าอีกครั้ง เฒ่าเหนาะเจ้าของเดิมย่อมไม่โดนละเว้น
        ทำไมอัยการและ ป.ป.ช.ทำงานเข้าขาโป๊ะเช๊ะ สกัดเหลี่ยมร้ายได้ถูกใจแม่นางโพยเช่นนี้? นี่เป็นปริศนา คนได้ประโยชน์ก็คือปูโพรกเน่าในชัดๆ
        ตัวของแม่นางโพยก็น่าจะเผชิญชะตากรรมเพราะน้ำท่วมซ้ำรอยเดิม! เดินสายดูปลายน้ำ กลางน้ำ ต้นน้ำ จุ้นจ้านทำเป็นรู้เรื่องป้องกันน้ำท่วม! ลีลาเซ่อซ่ายังเต็มร้อย ชาวบ้านเชื่อชัวร์ป้าด “น้ำท่วมอีกแน่” มากหรือน้อยเท่านั้น
        เจื้อยแจ้วเป็นลาง รับประกันว่าน้ำจะไม่ท่วมนานเหมือนครั้งก่อน!
        ยิ่งขาใหญ่ปลอดประสบการณ์บอกว่านายกฯ เอาอยู่ แค่นี้ก็ชัดว่า “รับประกันหายนะ” ชาวบ้านต้องผวาขี้ขึ้นสมองอีกรอบ! น้ำหลากจากเหนือมาถึงภาคกลางแล้ว เงินเก่าไม่ได้รับ ความฉิบหายมาจ่อหน้าบ้านอีกแล้ว
       
        น้ำหลากปีนี้ จะมีเหยื่อชุดใหญ่! ชาวบ้านจะไม่ยอมให้คณะแม่นางโพยปูโพรกอยู่ยาวโชว์โง่แบบแฮ็ตทริก ให้น้ำท่วมประเทศซ้ำอีกปีหน้า! ถ้าแม่เจ้าประคุณยังอึด เอาอยู่ได้อีก เท่ากับว่าคนไทยไร้สิ้นซึ่งปัญญาทั้งแผ่นดิน! ...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
ภาพจาก Internet
www.manager.co.th : 15 มิถุนายน 2555 19:02 น.





โกงที่วัด ให้ ทักษิณตราบาปติดตัว ยงยุทธ วิชัยดิษฐ

ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์

คดีโกงที่ดินธรณีสงฆ์ เอาไปสร้างสนามกอล์ฟอัลไพน์ และบ้านจัดสรร เป็นผลงานชิ้นแรกที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ แสดงตัวให้ นช. ทักษิณ ชินวัตร เห็นว่า เขายอมเป็นทาสรับใช้ ยอมทำทุกอย่างที่ นช. ทักษิณต้องการ โดยไม่สนใจว่า ตนเอง เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีหน้าที่ต้องรักษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ตอบสนองผลประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมือง
      ชิ้นเนื้อที่ นช.ทักษิณ โยนให้ นายยงยุทธ เป็นรางวัลตอบแทนคือ แต่งตั้งให้เป็น ปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2545 ก่อนที่เขาจะเกษียณอายุราชการ เพียง 8 เดือน หลังจากนั้น นายยงยุทธ ก็ปวารณาตัวเป็นข้ารับใช้ นช.ทักษิณและตระกูลชินวัตรเรื่อยมา จนได้ดิบได้ดี ครองตำแหน่งเจ้ากระทรวงมหาดไทย และรองนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน
      ก่อนหน้าที่นายยงยุทธจะได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยเพียงไม่กี่วัน นายยงยุทธ ซึ่งเป็นรองปลัดกระทรวงที่ทำหน้าที่รักษาการปลัดในขณะนั้น ได้ลงนามในคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของกรมที่ดิน ที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิ นิติกรรม และโฉนดที่ดิน เกี่ยวกับที่ดิน อัลไพน์ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
      คำสั่งของนายยงยุทธนี้ เป็นการ “ หักดิบ” กฎหมาย ตามแบบฉบับของระบอบทักษิณ ทำให้การซื้อที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 732 ไร่ ของวัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดปทุมธานี โดยบริษัทอัลไพน์ ของนายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งต่อมาขายให้กับ นช.ทักษิณ ที่มีกฎหมายห้ามซื้อขายที่ธรณีสงฆ์อยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย และลบล้างคำสั่งของกรมที่ดิน รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ลงความเห็นว่า การโอนที่ ธรณีสงฆ์ ไปทำสนามกอล์ฟอัลไพน์ และบ้านจัดสรรนั้นทำไม่ได้ แต่ นช. ทักษิณซื้อที่ผืนนี้จากนายเสนาะ เทียนทองไปแล้ว ในราคา 500 ล้านบาท เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ นายยงยุทธจึงถูกสั่งให้ทำเรื่องที่ผิด ให้กลายเป็นเรื่องที่ถูก
      เรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี รู้ดีที่สุด เพราะเขาเป็นคนแรก ที่เปิดเประเด็นการปล้นที่ธรณีสงฆ์นี้ขึ้นมา สมัยที่เป็นหัวหน้าพรรคมวลชน เป็นฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในขณะนั้น ร่วมกับนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2545
       
       ร.ต.อ.เฉลิมได้ไล่เรียงความผิดตั้งแต่สมัยเสนาะ เทียนทอง เป็นรมช.มหาดไทย เมื่อปี 2532 และไม่เซ็นอนุมัติที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่ธรณีสงฆ์
      “นางเนื่อมได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ที่มอบที่ดินจำนวนดังกล่าวให้กับวัดเพื่อประโยชน์ต่อการวิปัสสนา และที่ผ่านมาวัดธรรมมิการามวรวิหารได้แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว โดยวัดได้นำที่ดินไปให้กับประชาชนได้เช่าทำกิน ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามมาตรา 33 ของ พ.ร.บ.สงฆ์ที่วัด คือที่ตั้งวัด ที่ธรณีสงฆ์คือสมบัติของวัด ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์จะต้องออกด้วยกฎหมาย มิฉะนั้นจะไปซื้อขายไม่ได้”
       “มีขบวนการล็อบบี้เจรจาให้วัดขายที่ดินโดยการสร้างความสนิทสนม ตามกฎหมายระบุว่าหากขายที่ดินเกิน 50 ไร่ต้องได้รับการอนุมัติจาก รมว.มหาดไทย ดังนั้น รมว.มหาดไทยไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น นอกจากอนุมัติหรือไม่อนุมัติเท่านั้น” 
      จากนั้นได้พูดถึงกรณีขายที่ดินแห่งนี้ให้กับบริษัทอัลไพน์ โดยระบุถึงกรณีนางอุไรวรรณ เทียนทอง เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทนี้ด้วย
       “วันที่ 21 ส.ค.2533 มูลนิธิมหามกุฏฯ ได้รับโอนที่ดินมาเป็นของมูลนิธิ ปรากฏว่าวันเดียวกันมูลนิธิได้ขายที่ดินทั้งหมดให้กับบริษัทอัลไพน์กอล์ฟ เรียลเอสเตท และ บ.อัลไพน์กอล์ฟ สปอร์ตคลับ โดยผู้ถือหุ้นคือนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภริยานายเสนาะ นายวิทยา เทียนทอง และนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ รมว.เกษตรฯ ซึ่งบริษัทนี้ตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการอนุมัตินิดเดียว พอซื้อที่มาแล้วก็เอาไปขายให้กับพรรคพวกของนายกฯ ( ทักษิณ ชินวัตร) ” 
      ร.ต.อ. เฉลิมอภิปราย ต่อไป ถึงกรณีนาย ยงยุทธออกคำสั่งที่ขัดกับความเห็นของกฤษฎีกา
      “11 เม.ย. 2545 เลขาธิการกฤษฎีกาได้ส่งหนังสือไปถึง รมว.มหาดไทยว่า การพิจารณายกเลิกคำสั่งกรมที่ดินเป็นที่ธรณีสงฆ์ไม่สามารถโอนได้นอกจากต้องออกเป็นกฎหมาย แต่ ร.ต.อ.ปุระชัยเก็บเรื่องเอาไว้ อยากให้ สังคมเห็นว่าการเอาที่ดินของยายเนื่อมไปขายจะต้องออกเป็นกฎหมาย กฤษฎีกาทั้งคณะบอกว่าผิด พวกท่านก็ยังบอกว่าถูก การแก้ปัญหาอย่างนี้เป็นการกวาดขยะไว้ใต้พรม ถ้ามีโอกาสเป็นรัฐบาลจะเอาให้ตาย” 
เสนาะ เทียนทอง
       วันที่ 12 มิถุนายน 2555 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้พิจารณาไต่สวนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่มิชอบสมัยดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีการซื้อขายที่ดินวัดธรรมามิการามโดยมิชอบ ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อเนื่องมาจากการชี้มูลความผิดของนายเสนาะ เทียนทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยที่มีความผิดกรณีการจดทะเบียนโอนมรดกและโอนสิทธิขายที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมามิการามวรวิหาร จ.ปทุมธานี จำนวน 732 ไร่ โดยมิชอบ
     ป.ป.ช.พบว่าในช่วงที่นายยงยุทธเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้อำนาจรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2545 ในการรับรองการซื้อขายที่ดินวัดธรรมาธิการรามกับบริษัท อัลไพน์ ว่ามีความถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยยืนยันว่า การได้มาของที่ดินดังกล่าวมีความถูกต้อง ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่สามารถซื้อขายหรือโอนได้ จนกว่าจะมีการตราเป็นกฎหมายออกมา ต่อมาวันที่ 11 เมษายน 2545 คณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่า การกระทำดังกล่าวของนายยงยุทธไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะที่ดินธรณีสงฆ์ไม่สามารถซื้อขายหรือโอนได้
     ดังนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้ว จึงมีมติว่า การกระทำนายยงยุทธผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีความผิดวินัยร้ายแรง ให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
       
       ดวงวิญญาณของยายเนื่อม บนสรวงสวรรค์ คงเป็นสุข ที่ได้รับรู้ว่า บัดนี้ คนที่มีส่วนโกงเอาที่ดินของยายเนื่อมไปทำสนามกอล์ฟ อย่างน้อยหนึ่งคน ถูกตราหน้าว่า มีความผิด แต่ยายเนื่อมอย่างเพิ่งดีใจว่า นายยงยุทธจะต้องรับผิด เพราะคดีนี้ต้องผ่านอัยการสูงสุดก่อนจะไปถึงศาล ยายเนื่อมคงไม่รู้หรออกว่าทั้งนายยงยุทธและอัยการยุคนี้รับใช้นายคนเดียวกัน... 



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
ภาพจาก Internet
www.manager.co.th : 15 มิถุนายน 2555 19:16 น.


วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อนาถ เจ้าหน้าที่จีนบังคับทำแท้งทารก 7 เดือน วางศพไว้ข้างตัวแม่ ปรับอีก 2 แสนบาทข้อหามีลูกเกิน

นางเฝิงนอนหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าโรยราไร้กำลังกายกำลังใจ (ภาพเฟิ่งหวง)
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - เจ้าหน้าที่คณะกรรมการวางแผนครอบครัวและประชากรมณฑลส่านซีถูกโจมตีเละ กรณีที่เจ้าหน้าที่ฯ เขตเฉิงจยา บีบบังคับให้สตรีตั้งครรภ์ 7 เดือนทำแท้งราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แถมรีดค่าปรับข้อหามีลูกเกินอีกนับ 2 แสนบาท
       
       คณะกรรมการฯ เผยในแถลงการณ์ทางเว็บไซต์ของรัฐบาลมณฑลส่านซีว่า ขณะนี้ได้ส่งหน่วยตรวจสอบลงไปยังเมืองอานคังเพื่อไต่สวนแล้ว
       
       ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่ว สะท้อนความฟอนเฟะว่าสตรีแดนมังกรไร้เสียซึ่งสิทธิในการตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 แม้กระทั่งตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอดเต็มทียังไม่วายถูกจับรีดเด็กออก
       
       คณะกรรมการฯ ต้องออกโรงแก้ต่างพัลวัน หลังจากกระแสโกรธเกรี้ยวลุกลามไปทั่วแผ่นดินมังกร กรณีที่ภาพของนางเฝิง เจี้ยนเหมย วัย 22 ปี ถูกเจ้าหน้าที่วางแผนครอบครัวในเขตเจิงจยาบีบบังคับต่าง ๆ นานาให้เอาลูกออกเป็นเวลา 3 วัน กระทั่งวันที่ 2 มิ.ย. จึงถูกจับฉีดยาขับทารก เนื่องจากเจ้าหน้าที่อ้างว่าการมีลูกคนที่ 2 ขัดกับนโยบายลูกคนเดียวของจีน และนางเฝิงกับสามีก็มีลูกสาววัย 5 ขวบอยู่แล้ว
ศพเด็กทารกเพศหญิง 7 เดือนที่ถูกฉีดยาขับออกถูกนำมาวางคู่กับนางเฝิง (ภาพเฟิ่งหวง)
       
       ยิ่งภาพศพเด็กทารกเพศหญิง 7 เดือนที่ถูกฉีดยาขับออกถูกนำมาวางคู่กับนางเฝิงได้แพร่ไปในโลกออนไลน์ ยิ่งทำให้กระแสโกรธเกรี้ยวลุกโหมไปทั่ว ในภาพนางเฝิงนอนหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าโรยราไร้กำลังกายกำลังใจ
       
       ชาวเน็ตคนหนึ่งประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการฆาตกรรมอย่างไร้มนุษยธรรมพอ ๆ กับการสังหารล้างเผ่าพันธุ์สตรีและเด็กในซีเรีย ส่วนชาวเน็ตคนอื่น ๆ เรียกร้องให้มีการทบทวนนโยบายลูกคนเดียว เพราะทนไม่ไหวกับความโหดร้ายที่หญิงมีครรภ์ถูกบังคับให้ทำแท้งแม้ทารกใกล้คลอด
       
       ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จีนได้นำนโยบายลูกคนเดียวมาใช้ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 ภายใต้นโยบายดังกล่าว ครอบครัวในเขตเมืองจะได้รับอนุญาตให้มีลูกเพียงคนเดียว ส่วนครอบครัวในชนบทอาจจะได้รับอนุญาตให้มีลูกได้เป็นคนที่ 2 หากลูกคนแรกเป็นหญิง หรือบางเมืองอาจจะให้มีลูกคนที่ 2 ได้ หากพ่อแม่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว
ศพเด็กทารกเพศหญิง 7 เดือนที่ถูกฉีดยาขับออกถูกนำมาวางคู่กับนางเฝิง (ภาพเฟิ่งหวง) 
       
       นายเติ้ง จี้หยวน สามีของนางเฝิงให้สัมภาษณ์กับเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ทางโทรศัพท์ (13 มิ.ย.) เผยว่า “ภรรยาของผมยังอาการไม่ดีขึ้น เธอเศร้าสลดหมดอาลัยตายอยาก บางทีจู่ ๆ ก็อารมณ์ร้ายและสับสนในตัวเอง”
       
       ในระหว่างที่ภรรยาถูกบังคับทำแท้ง เติ้งผู้สามีกำลังทำงานอยู่ในเขตมองโกเลียใน เขาได้ข่าวภรรยาหลังจากเจ้าหน้าที่ฯ นำตัวนางเฝิงไปจ่ายค่าปรับสำหรับการมีลูกคนที่ 2 มูลค่าสูง 40,000 หยวน (ราว 2 แสนบาท) “นั่นมันมากกว่าเงินที่ผมทำงานมา 4 ปีเสียอีก” นายเติ้งกล่าว “เราไม่มีเงินทองมากขนาดนั้น”
       
       เติ้งเขียนข้อความในอินเทอร์เน็ตระบุว่า เจ้าหน้าที่ในเมืองใช้ผ้าสีดำมาคลุมศีรษะนางเฝิงขณะที่เธอถูกนำตัวขึ้นรถขับตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลอำเภอเจิ้นผิง ในเมืองอานคัง หลังจากนั้นก็ฉีดยาฆ่าทารก เร่งปฏิกิริยาให้กล้ามเนื้อของเธอหดตัวเพื่อบีบเอาเด็กออก 
       
       ทันทีทันใด เจ้าหน้าที่วางแผนครอบครัวฯ อำเภอเจิ้นผิงก็ออกแถลงการณ์ (11 มิ.ย.) ระบุว่า นางเฝิงยินยอมให้ทำแท้งหลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าไปชักชวน อย่างไรก็ตามนายเติ้งออกมาปฏิเสธถ้อยแถลงของรัฐบาลฯ อย่างสิ้นเชิง
       
       “คนตั้งหลายคนผลักภรรยาของผมเข้าไปในรถ จากนั้นก็ขับพาเธอมาโรงพยาบาล ครอบครัวก็ไม่ให้เข้าพบ เธอไม่มีทางยอมให้ทำแท้งเด็ดขาด เจ้าหน้าที่บังคับให้เธอพิมพ์ลายนิ้วมือบนกระดาษด้วย” เติ้งกล่าว
       
       เติ้งเผยอีกว่า เขาได้ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่เมืองอานคังต่อสำนักงานร้องทุกข์ฯ แม้กระทั่งเข้าพบรองนายกเทศมนตรีฯ เพื่อเรียกร้องให้มีการไต่สวน แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ดังนั้นจึงตัดสินใจเขียนเรื่องราวเหล่านี้ตีแผ่ในโลกออนไลน์
ป้ายเขียน “ยอมให้เลือด (เด็กทารก) นองเป็นสายน้ำ แต่ไม่ยอมให้มีลูกเกิน 1 คน” (ภาพเฟิ่งหวง) 
       
       จัง ไค นักกฎหมายในกรุงปักกิ่งเผยว่า เขาได้คุยโทรศัพท์กับเติ้ง และอาจช่วยตรวจสอบความเป็นไปได้ในการฟ้องร้องรัฐบาลท้องถิ่นต่อไป...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.thwww.manager.co.th : 14 มิถุนายน 2555 14:06 น.



วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สุดจะทนกับอัยการสูงสุด




จุดเริ่มต้นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ท่ามกลางเสียงคัดค้านและความเห็นแตกต่างที่รุนแรง นักการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ยังพยายามดันทุรังกันสุดลิ่มทิ่มประตู เพียงเพราะใบสั่งจากนายใหญ่ดูไบนั่นเอง
เหตุผลสำคัญที่คนหนีคุกอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญจนตัวสั่น ก็เพราะมีบทบัญญัติชัดเจนที่ห้ามมิให้ผู้ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ว่าระดับใด แม้แต่จะเป็นสมาชิก อบต. หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็เป็นไม่ได้
       
        ที่หาเสียงไว้จากต่างแดนว่าจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง กลายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ หากไม่แก้รัฐธรรมนูญเสียก่อน ควบคู่ไปกับการเร่งรีบออก พ.ร.บ.ปรองดอง ทำเป็นยกโทษให้ทุกคน ทุกกลุ่ม แต่คนที่ได้ประโยชน์มากกว่าใครเพื่อนก็คือนักโทษชายหนีคดีอย่างทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ซึ่งนอกจากคดีความที่ค้างคาในศาลก็เลิกกันไป ไม่ต้องติดคุกติดตาราง ยังจะได้เงินคืนอีก 4.6 หมื่นล้าน ถ้าออกกฎหมายฉบับนี้ได้ก็เท่ากับทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยให้ย่อยยับลงไปด้วย
       
        ทันทีที่พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ถูกนำเสนอโดยบิ๊กบัง (ผู้ซึ่งบัดนี้เปลี่ยนจากประธาน คมช. มาเป็นหัวหน้า คชท. หรือหัวหน้าคนรับใช้ทักษิณ) ถูกประณามก่นด่าไปทั่วบ้านทั่วเมือง และถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนต้องปล่อยเรื่องค้างไว้
       
        ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก ในวันที่ 1 มิถุนายน 2555 นั่นเอง ศาลรัฐธรรมนูญแถลงรับคำร้องของประชาชนที่กล่าวหาพรรคเพื่อไทยและสมาชิกรัฐสภา ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนมีกระทำการล้มล้างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย และขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 68
       
        ศาลรัฐธรรมนูญจึงได้แจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบและขอให้ระงับการลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขในวาระ 3 ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาตัดสินคดีในเดือนกรกฎาคม 2555 เป็นเหตุให้นักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ถึงกับคลุ้มคลั่งนั่งไม่ติดที่ ต้องลุกมาโฟนอินโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เคยบอกว่าจะเลิกโฟนอินมาหาคนเสื้อแดงแล้ว ก็ต้องยอมผิดคำพูด รถคว่ำไปแล้วจะกลับมาขอลงเรือต่ออีก สมุนไพร่ทั้งหลายที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย รวมทั้งคนเสื้อแดงนอกพรรค และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่เพิ่งพ้นโทษต่างก็ออกมาผสมโรงสอดรับกันเป็นลูกระนาด
       
        ที่น่าอดสูใจก็คือ เลขาธิการรัฐสภาออกมาแถลงชี้แจงว่าศาลไม่มีอำนาจสั่งสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตนที่ต้องออกมาแถลง พวกนายว่าขี้ข้าพลอยร่วมผสมโรง ทั้งกลุ่มนิติราษฎร์ และอาจารย์นิติศาสตร์สีแดงทั้งหลาย ดาหน้ากันออกมาถล่มศาลรัฐธรรมนูญกันยกใหญ่ ทั้งที่ศาลเพียงแค่รับคำร้องเท่านั้น ยังไม่มีคำวินิจฉัยใดๆ ออกมาด้วยซ้ำ
       
        หลังจากศาลรัฐธรรมนูญออกมาชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง คนสุดท้ายที่ออกมาแถลงข่าวได้อัปยศที่สุด คือ “อัยการสูงสุด” คราวนี้ยกข้อกฎหมายมาว่าเป็นฉากๆ สรุปคือจะไม่ส่งเรื่องของผู้ร้องทั้ง 5 รายไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคดีไม่มีมูล สมาชิกรัฐสภาและสมาชิกวุฒิสภาที่แก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นกระทำการโดยชอบด้วยกฎหมาย
       
        อัยการสูงสุดกระทำตัวเป็นศาลเตี้ยตัดสินคดีเสียเอง โดยไม่ต้องเรียกผู้ร้องมาสอบแม้แต่คนเดียว หาข้ออ้างตามรัฐธรรมนูญให้ฟังดูน่าเชื่อถือ ทั้งๆ ที่กรณีนี้เขาไม่ได้ให้อำนาจอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาส่งฟ้องหรือไม่เหมือนคดีอาญาอื่นๆ ยังไม่ต้องมองในข้อกฎหมาย แต่ถามว่าเขาร้องเรียนไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2555 ไปมัวมุดหัวทำอะไรกันอยู่ ถึงได้เพิ่งจะมารีบพิจารณาหลังศาลรับคำร้องแล้ว อ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ ที่ล่าช้าเพราะสภาไม่ส่งเรื่องให้ แต่พอแถลงข่าวได้ไม่กี่วันจึงได้รับเรื่องและพิจารณาอย่างรวดเร็ว แถมยังออกมาการันตีว่ารัฐธรรมนูญฉบับที่จะร่างขึ้นใหม่นี้ จะไม่ล้มล้างระบอบการปกครองในรูปแบบเดิมและหลักการเดิม ทั้งที่เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาจ้องจะล้มศาลบางส่วน ให้อำนาจการแต่งตั้งผู้พิพากษาขึ้นอยู่กับรัฐสภา แม้แต่บางคนยังแพลมออกมาว่าถึงกับจะแตะในหมวดของพระมหากษัตริย์ ให้ปฏิญาณตนต่อรัฐสภาก่อนขึ้นครองราชย์ อัยการสูงสุดยังจะมีหน้ามาแถลงรับรองให้กับผู้ถูกกล่าวหาละเอียดเสียยิ่งกว่าผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงเอง ทำให้ขบวนการล้มศาลรัฐธรรมนูญได้ใจ กล่าวร้ายหนักขึ้นไปอีก
       
        อัยการสูงสุดไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย การกระทำครั้งนี้ละเมิดรัฐธรรมนูญชัดแจ้ง กระทำเกินกว่าอำนาจหน้าที่ของตน คุณจะมีความเห็นส่วนตัวอย่างไรก็ได้เป็นสิทธิของคุณ แต่โดยอำนาจหน้าที่แล้วก็ไม่ควรออกมาแถลงต่อสาธารณะและต้องส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การกระทำของอัยการสูงสุดแสดงให้เห็นว่าอิงนักการเมือง คดีของวัดธรรมกายที่อัยการเองสั่งฟ้องไปแล้ว พอมีใบสั่งทักษิณ อัยการกลับยอมถอนคดี และวัดนั้นก็กลายสภาพมาเป็นที่พักพิงของขบวนการป่วนบ้านป่วนเมืองอยู่ทุกวันนี้ อัยการสูงสุดจึงสมควรถูกกล่าวหาในคดีอาญา มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
       
        บ้านเมืองนี้มีธรรมคุ้มครองแผ่นดิน อย่าคิดว่าใครจะมาครอบครองกันได้ง่ายๆ ด้วยอำนาจเงินและความชั่ว ชาวพุทธอย่างเราๆ เชื่อในผลของกรรม “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก” สัตว์โลกย่อมเป็นเป็นไปตามกรรม ทำกรรมอะไรไว้ ก็ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ไม่มีใครหนีพ้นสัจธรรมข้อนี้ไปได้
       แล้วเราจะได้เห็นอัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ฯลฯ ต้องชดใช้กรรมหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่นานเกินรอ...


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : 10 มิถุนายน 2555 16:29 น.




วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ถ้าแน่จริง...ใจถึง...เชิญลองของ




เห็นความกร่าง อหังการ ยโสโอหัง ลำพองในอำนาจรัฐ อิทธิพลกองกำลังเถื่อนของขบวนการเหลี่ยมร้ายย่ำยีบ้านเมือง เยี่ยวรดหัวใจคนไทยซ้ำซากมายาวนาน บัดนี้ถึงเวลาของคนไทยนอกจาก 15 ล้านเสียงเพื่อพรรคเหลี่ยมร้าย ต้องตะโกนดังๆ ทั่วแผ่นดิน “พอกันที สีอื่นๆ นอกจากสีแดง ไม่ยอมทนกับพวกชั่วร้ายอีกต่อไปแล้วโว้ย!”
       
       แล้วไง? ก็ถึงเวลาต้องพิสูจน์! ถ้าขบวนการเหลี่ยมร้ายแน่จริง เชิญขู่ฟอดๆ พองขนเดินหน้า ย่ามใจ ไม่หวั่นหน้าอินทร์หน้าพรหม เร่งโหวตล้มล้างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ดันทุรังเรื่องร่างพ.ร.บ.ปรองดอง เปิดช่องให้สหรัฐฯ เข้าใช้อู่ตะเภา ในสภาตรายางทาสเหลี่ยม
       
       แน่จริงป่าว? ถ้าใจถึง เชิญลองของโดยไว! จะได้รู้ว่าพลังแผ่นดินนั้นมีจริง!
       
       พรรคเพื่อเหลี่ยมประกาศ “ไอ้เสือถอย” ซะแล้ว! ก่อนนี้ทำเป็นยึกยัก ถกหนักกับกลุ่มฮาร์ดคอร์ หัวโจกเสื้อแดง! แต่กลุ่มปอดแหกห่วงตัวเองมากกว่าความจงรักภักดีต่อชามน้ำข้าว และเงินเบี้ยเลี้ยงเนรคุณแผ่นดินขายชาติที่เหลี่ยมร้ายฟาดหัวโดยตลอด
       
       หนอยแน่! ฮึ่มๆ ฮ่ำๆ กร้าวกร่าง ข่มขู่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสารพัด หวงร่างกฎหมายล้มล้างรัฐธรรมนูญ ดุร้ายยิ่งกว่าหมาตัวผู้หวงหมาตัวเมียในฤดูติดเก้งซะอีก
       
       เสื้อแดงวิเศษอย่างไร ใครใส่เข้าไปแทบทุกรายสิ้นสภาพความเป็นคนธรรมดา! ถ้าไม่เป็นเหมือนชนเผ่าดุร้ายกระหายเลือด ก็ฮึกเหิม ไม่กลัวเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย ทำตัวเหนือคนร่วมแผ่นดิน อยากชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง ฆ่าทหาร ปล้นร้านค้าก็ได้
       
       ยิ่งแกนนำชนเผ่าเสื้อแดงใส่เสื้อนอกเดินกร่างในสภา กระทรวง ปกคลุมสภาพขี้ครอก ยกตัวเองเป็นอำมาตย์ด้วยแล้ว ก็ผยองอหังการ ทำตัวยิ่งกว่าเทวดาเดินดิน! มีเสียงข้างมากในสภาทาส มีกองกำลังเถื่อนคุกคามฝ่ายตรงข้าม ก็คิดยึดประเทศ ล้มล้างสถาบัน องค์กรต่างๆ ตั้งเป็นรัฐไทยใหม่ ภายใต้การรวบอำนาจของเหลี่ยมร้ายคนหนีคุก
       
       กลุ่มฮาร์ดคอร์มีทั้งพวกของแท้ โหดจริง และพวกจ้องหาผลประโยชน์! ล้วนแล้วแต่เป็นนักวางบิล สู้แล้วรวย แถมยังมีขบวนการเหลือง “บวชแล้วรวย” เป็นฐานกำลังหนุนอยู่ชานเมือง มีเหลืองจริง และจิ้งเหลืองตัวปลอม เป็นพวกเขมรรอรับงานร้าย
       
       พวกผู้ทรงเกล็ดในสภาโดนลูกยุจากพวกหลุดจากโซ่ตรวนในบ้าน 111 “เดินหน้า อย่ากลัวศาลรัฐธรรมนูญ หักดิบ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสิทธิ” สารพัดจะยกมาอ้างสร้างราคาให้เหลี่ยมร้ายได้เห็นว่าเป็นนักสู้จริง มีคุณค่าสำหรับการวางบิลและเก้าอี้รัฐมนตรี
       
       ยุให้ไปตายชัดๆ! ถ้าประธานหัวสากปากครกกล้าจริง รับรองได้ว่าจะต้องเดินหน้าพากันไปขึ้นตะแลงแกงตายหมู่ในข้อหาล้มล้างการปกครอง โทษถึงประหารชีวิต! ไม่อย่างนั้นต้องหนีหัวซุกหัวซุนหนีคดีไปอาศัยอยู่ภายใต้ซอกไข่คู่ของทรราชฮุนเซนแน่
       
       นึกหรือว่าบักฮุนเซนจะอวย เมื่อเห็นว่าเหลี่ยมร้ายไม่มีวันได้เหยียบแผ่นดินเกิดถาวร? เรื่องแบบนี้ตัวใครตัวมัน การเมืองเป็นเรื่องการทรยศ แก่งแย่งผลประโยชน์ ยิ่งกว่าพาราสาวัตถี ไม่มีใครปรานีใคร! แกนนำชนเผ่าเสื้อแดงมีค่าอะไรให้บักฮุนเซนต้องเลี้ยงดูรอบใหม่ให้เปลืองข้าวสุก ถ้ารัฐบาลแม่นางโพยปูโพรกเน่าในมีอันเป็นไปทั้งยวง
       
       เรื่องร่างพ.ร.บ.ล้มล้างรัฐธรรมนูญ มีกลุ่มผู้ร้องเรียนอัยการสูงสุดและหน่วยงานอื่นๆ ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ บางรายยื่นเรื่องไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่อัยการอุบนิ่ง จนเวลาผ่านไปเป็นเดือน! หลังจากโดนจี้หนัก ก็เรียก 2 รายไปให้ปากคำ แล้วนิ่งต่อ!
       
       หวังจะเล่นลูกยื้อสไตล์เดิมๆ รอให้บางคดีหมดอายุความ ไม่ใส่ใจ! ถ้าจำเป็น ก็สั่งไม่ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ใช้ดุลพินิจตัดตอน ไม่ให้คดีขึ้นสู่ศาล! ทำจนเคยตัว อ้างอำนาจ สะสมแต้มลบคดีดังๆ ต่อเนื่อง สร้างมรดกบาป พฤติกรรมน่าละอาย ไร้ศักดิ์ศรี!
       
       ความน่าเชื่อถือไม่เหลือ ชาวบ้านมองด้วยความสมเพช! อัยการส่วนที่ยังดี ต้องทนกับความอัปยศอดสูกับความบกพร่องด้านคุณธรรม จิตวิญญาณของทนายแผ่นดิน
       
       ปัดโธ่! ถ้าเป็นเรื่องโปร่งใส สะอาด ไม่เป็นพิษภัยต่อขบวนการเหลี่ยมร้าย อัยการต้องเร่งทำเรื่องเดินหน้าส่งศาลรัฐธรรมนูญ หรือสั่งคดีไปนานแล้ว ไม่นั่งทับหมักดองไว้รอจนคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ จึงออกมาแก้เกี้ยว แต่ยังทำเก่งยึดแนวขัดกับศาลซะงั้น
       
       ทำตัวเป็นผู้ทรงสภาพสูงส่งเหนือความขัดแย้ง ทั้งๆ ที่ถูกมองว่าเอาตัวรอดชัดๆ! ยิ่งตัวเป้งขาใหญ่ในองค์กรเคยเป็นเด็กเฝ้าหน้าห้องทั่นเฉ-ลิมช่วงเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยังสำนึกถึงเงินทิป ผลตอบแทนเล็กๆ! บัดนี้ต้องเผชิญความเสี่ยงกับมาตรา 157
       
       ทุกย่างก้าวของเหลี่ยมร้ายเผชิญอุปสรรค ยังหลอกตัวเองว่าทุกฝ่ายในขบวนการอยากให้ตัวเองกลับบ้านเกิด! โธ่! หลอกคนอื่นมานาน ถึงคราวต้องหลอกตัวเองว่ามีคนหลงเพ้อจงรักภักดี สำนึกในน้ำข้าว! ที่แท้เป็นพวกขายตัว ตีกิน นักวางบิลเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น
       
       จะมีคนดีที่ไหน ยอมตากหน้า กล้าทนอาย ด้านต่อสังคมประณาม อยู่ในสังกัดขบวนการเหลี่ยมร้าย? เพ่งดูจากหัวแถวถึงท้ายแถว มีทั้งหัวเถิก หัวขาว หัวหงอก หน้าดำ หน้าด่าง องคาพยพอุบาทว์ของทุรชนคนชั่วนรกเมิน ขี้คุกเดนตะราง หลังลาย กากๆ!
       
       เป็นเพียงแค่คางคกหลากพันธุ์ได้ขึ้นวอ กิ้งก่าได้ทองแท้ ชูคออวดความเป็นทาสเงินเหลี่ยม! มีบุญวาสนาชั่วคราว แทนที่จะทำความดี ดันสุมหัวกันโกงบ้านกินเมือง ก้มหัวรับใช้ผู้นำบ้องตื้นโง่เขลาเบาปัญญา เป็นตัวตลกข้ามชาติ สร้างความอัปยศซ้ำซาก
       
       น้ำท่วมภาคใต้เกือบเดือนแทนที่จะใส่ใจ ดันรับบทนกแก้วสัญจรเผ่นขึ้นเหนือ เตรียมรับน้ำหลาก ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเหยื่อน้ำท่วมปีก่อนต้องชุมนุมปิดถนนรายวันทวงเงิน! ไม่ได้เงิน ยังถูกจับกุม เป็นผลงานของตำรวจมะเขือเทศเล่นงานชาวบ้านเสื้อแดง
       
       ปิดสภาถอยตั้งหลักไว้เชิง ดีกว่าไม่มีเวลาได้เก็บของหนีคุก ลี้ภัยตามนายใหญ่!


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : โดย โสภณ องค์การณ์  : 11 มิถุนายน 2555 16:57 น.