This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อ้อม ขอนแก่น คำ ผกา 2 อีนี่แร๊งงงส์


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับการชุมนุมรำลึกของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2555 ที่ผ่านมา ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงบุคคลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 2 ปีที่ผ่านมา จากการกระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ โดยในวันดังกล่าวนั้น แกนนำทุกภาคส่วนของคนเสื้อแดง ได้เข้ามาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพียง ไม่ว่าจะเป็นนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงแกนนำเสื้อแดงเกือบทุกภาคส่วนก็ได้ตบเท้าเข้ามางานรำลึกกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อฟังวิดีโอลิงก์ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำการต่อสายเข้ามากลางวงชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์ ในวันรำลึกครบรอบ 2 ปี การสลายม็อบแดง
        ขณะเดียวกันในวันดังกล่าว ก็ยังได้เห็นเหล่าสาวกคนเสื้อแดงทุกสายพันธุ์ แห่แหนออกมาชุมนุมพร้อมแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อ นช.ทักษิณ ชินวัตรกันอย่างครึกโครม
                                         
       อย่างไรก็ตาม หนึ่งในสาวกคนเสื้อแดงซึ่งเป็นที่ฮือฮาและถูกกล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวางก็เห็นจะไม่พ้นภาพหญิงสาววัยรุ่นใส่เสื้อแดง ถือป้ายข้อความว่า “กูมันไพร่ หนักหัวพ่อมึงเหรอ กูไม่รัก พ่อมึงตายมั้ย” เพราะกลายเป็นประเด็นทอล์ก ออฟเดอะทาวน์ในโลกออนไลน์ โดยมีการส่งต่อและแชร์ภาพถ่ายของหญิงสาววัยรุ่นใส่เสื้อแดง พร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรืออาจจะใช้คำว่า “ก่นด่า” ถึงความไม่เหมาะสมกันอย่างแพร่หลาย
       ยิ่งเมื่อเข้าไปดูใน http://www.youtube.com/watch?v=62xc55D7xP4 บางคนถึงขนาดตั้งสมญานามใหม่ให้ว่า “คำผกา2” เนื่องจากในคลิปสั้นๆ ที่นำมาโพสต์ไว้นั้นมีการเปลือยหน้าอกเพื่อต่อต้านมาตรา 112 เฉกเช่นเดียวกับตะละแม่ดอกทองอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวแท้จริงแล้วเป็นชาวขอนแก่น มีชื่อเล่นว่า “อ้อม” พักอาศัยอยู่บ้านท่ากระเสริม ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำ พอง โดยที่บ้านเปิดเป็นร้านขายของชำ มีสามีและมีลูกแล้ว 2 คน
       แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้สองเส้นตัวหนาๆ เอาไว้ก็คือ สามีของอ้อมเป็นตำรวจสันติบาลที่จังหวัดเชียงใหม่
       โดยปกติแล้ว สาวเสื้อแดงชื่อ “อ้อม” คนนี้มักจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นแทบทุกครั้ง และเป็นคนเสื้อแดงที่จัดอยู่ในกลุ่มแดงหัวก้าวหน้าขอนแก่น หรือกลุ่มเสื้อแดงไม่เอาสถาบัน มีพฤติกรรมเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบันร่วมกับกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มาอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มแดงหัวก้าวหน้ากลุ่มนี้มีอาจารย์บางกลุ่มของ มข.ให้การสนับสนุน
                                           "อ้อม"แสดงท่า"ฝ่ามืออากง" ซึ่งหมายถึงการต่อต้าน ม.112
       อย่างไรก็ตาม เชื่อแน่ว่าคนไทยทั้งประเทศ หากใครที่เห็นประโยคในป้ายที่ น.ส.อ้อม ถือด้วยความภาคภูมิใจเป็นหนักหนาว่า“กูมันไพร่ หนักหัวพ่อมึงเหรอ กูไม่รัก พ่อมึงตายมั้ย” ย่อมจะเข้าใจความหมายที่ น.ส.อ้อม สื่อออกไปแบบไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่า คำว่า พ่อในที่นี้ หมายถึงบุคคลใด
      ดังนั้น จงอย่าได้แปลกใจหากจะเห็นปรากฏการณ์ที่มีประชาชนเข้ามาถล่มพฤติกรรมของ น.ส.อ้อม กันอย่างถล่มทลายในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ชุมชนออนไลน์ และโซเชียลมีเดียอย่างยกใหญ่
      ไม่ต้องอื่นไกลยอดคนคลิ๊กเข้ามาอ่านข่าว "พบแล้ว! สาวเสื้อแดงถือป้ายหมิ่นเหม่ในม็อบราชประสงค์เป็นชาวน้ำพอง จ.ขอนแก่น" โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤษภาคม 2555 ก็ปายอดทะลุไปเกือบ 200,000 คลิ๊ก ซึ่งนั่นเป็นหลักฐานเล็กน้อยที่แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมของ น.ส.อ้อม เหยียบย่ำจิตใจของ ผู้ความจงรักภักดีเพียงใด
      "คุณรักและเทิดทูนทรราชชาติชั่วทักษิณ ชินวัตรนั่นเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่อย่าด่าและทำร้ายพ่อเรา เพราะลูกๆของพ่อไม่มีใครยอม พ่อรักลูกทุกคนทำสิ่งดีๆทุกอย่างให้ลูกๆให้แผ่นดินไทย บรรพบุรุษของพ่อก็เช่นกัน แล้ววันหนึ่งคนๆหนึ่งเข้ามามีอำนาจกอบโกยโกงกินเอาเศษเงินไปหว่านคนกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนั้นกลับเทิดทูนบูชา ดูหมิ่นสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทย และเมื่อเราเข้าไปดูคลิปคุณในyoutube เราไม่แปลกใจเลยในการกระทำของคุณ คุณมันต่ำ ตั้งแต่จิตใจ เราไม่ทำอะไรคุณหรอก กรรมจากการกระทำของคุณจะจัดการคุณเอง สุดท้าย...นับแต่นี้ต่อไปใช้ชีวิตในแบบของคุณต่อไปนะเพราะคุณและทรราชทุกตัวไม่มีวันชนะความดีหรอกแผ่นดินไทยไม่ใช่ที่สำหรับพวกทรราชเนรคุณแผ่นดิน เรารักและจะปกป้องพ่อแม้ตายก็ยอมสักวันเราคงเจอกัน"
                                                       “สมัครชัย ไชยมงคล” สามีของ “อ้อม” (ภาพจากเฟซบุ๊ก สมัครชัย ไชยมงคล (ระยองวิทยาคม) ภาพจากวิดีโอคลิปในยูทิวบ์
       "ถ้ามีใครมาว่าพ่อของคุณแบบนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร หรือว่าไม่รู้สึกเพราะว่าคุณน่าจะเป็นคนที่ไม่มีความกตัญญูรู้คุณ ถ้าอย่างนั้นแล้วช่วยออกไปจากโลกนี้เถิดเพราะว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมา ย่อมต้องมีความกตัญญูรู้คุณ"
       "เรียนท่าน ผบ.ทบ งบประมาณก็ได้มาก อย่ามัวไปขุดคลองสร้างสะพานอยู่เลย ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร สนใจปกป้องสถาบันบ้างเถิด ลากตัวสองผัวเมียเข้าคุกหน่อยได้ไหม ปล่อยให้มันย่ำยีหัวใจคนไทยอยู่ได้"
       แน่นอน คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมสิ่งใดให้มากความสำหรับเสียงสะท้อนจากประชาชนคนไทยที่มี “คำผกา 2” ผู้นี้
       แต่สำหรับคนเสื้อแดงแล้ว ดูเหมือนว่าพฤติกรรมของน.ส.อ้อมผู้นี้จะถูกใจเป็นพิเศษ เพราะนั่นได้สะท้อนสุดยอดปรารถนาที่พวกเขาต้องการให้เกิดขึ้นในรัฐไทยใหม่อยู่แล้ว
       "เหอๆ มัน "หมิ่นเหม่" ตรงไหนวะ"พ่อมึง" นี่ใคร ถึงด่าไม่ได้? พวก "มึง" นี่คนธรรมดาๆ ลูกหลานคนธรรมดาๆ ทั้งนั้นไมใช่เหรอ เสือกดัดจริต จะทำตัวเป็นลูกท่านหลานเธอ ไปได้"
       นั่นเป็นคำพูดของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กของเขาเมื่อวันจันทร์ ที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก็มีผู้ร่วมอุดมการณ์แห่แหนเข้าไปแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันจำนวนมาก
       อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องกะโหลกกะลา หรือหามีความสำคัญใดๆ อย่างที่นายสมศักดิ์ได้แสดงความคิดเห็นเหยียบย่ำซ้ำเติม ประชาชนส่วนใหญ่เข้าไปอีก เพราะหลังจากข่าว น.ส.อ้อม ได้แสดงตนถือป้าย “กูมันไพร่ หนักหัวพ่อมึงเหรอ กูไม่รัก พ่อมึงตายมั้ย”ออกแพร่สะพัดไปแล้ว ก็ยังได้มีกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ชุมชนออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ที่มีความจงรักภักดีและไม่พอใจต่อพฤติกรรมของ น.ส.อ้อม จึงได้ส่งต่อและแชร์ภาพถ่ายของหญิงสาวซึ่งคาดว่าเป็นคนเดียวกับดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งขบวนการล้มเจ้า โดยภาพดังกล่าว น.ส.อ้อม ได้แสดงจุดยืนของตัวเองต่อสถาบันเบื้องสูงแบบหมดเปลือก ด้วยการสวมเสื้อสีแดงของคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) เขียนข้อความลงบนฝ่ามือทั้งสองข้างด้วยคำว่า “ทักษิณพ่อกูเว้ย” และ “อีตั๊กไปอยู่กับพ่อมึง” ซึ่งเป็นการกล่าวโจมตี น.ส.บงกช คงมาลัย หรือตั๊ก ดารานักแสดงชื่อดังที่เคยโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กวิจารณ์การเสียชีวิตของนายอำพล ตั้งนพกุล เจ้าของฉายา “อากง” ที่เสียชีวิตเมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากนั้นยังได้ทำภาพดังกล่าวไปทำเป็นภาพโปรไฟล์หน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “ทักษิณ พ่อกูเว้ยเฮ้ย” ซึ่งล่าสุดได้ปิดไปแล้ว
                                         ภาพบางส่วนจากวิดีโอคลิปที่"อ้อม"ทำขึ้นยูทิวบ์
       หาได้หมดเพียงแค่นั้น น.ส.อ้อม ซึ่งใช้นามแฝง aomkuan1 ได้เคยอัปโหลดวิดีโอในเว็ปไซต์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2554 โดยตั้งชื่อว่า “กูมันไพร่หนักหัวพ่อมึงหรา” ซึ่งใช้เพลง Because of you ของศิลปิน Kelly Clarkson ประกอบภาพถ่าย โดยมีบางภาพในเอ็มวี น.ส.อ้อม ได้เขียนข้อความบริเวณหน้าอกและฝ่ามือด้วยปาากาสีแดงว่า “เบื่อ 112” และ “อากง”รวมทั้งยังได้ถอดเสื้อท่อนบนเปลือยแผ่นหลัง โดยเขียนคำว่า “ปล่อยอากง ค...ย 112” พร้อมกับคำอธิบายใต้ภาพว่า “อย่าเสือกเรื่องของกู สาสสสสส” อีกทั้งยังมีอีกหลายต่อหลายรูปที่เธอได้โพสต์หน้าชูนิ้วกลางอีกด้วย
       เรียกว่าเป็นการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง และจุดยืนทางการเมืองแบบหมดเปลือกโดยไม่ต้องใช้คำพูดใดมาอธิบายเพิ่มเติมให้เสียเวลา และแน่นอนว่า คงไม่มีคำจำกัดความคำใดของมอบให้เธอนอกจากคำว่า “อีนี่แร๊งงงงส์ “
       ทั้งนี้ พฤติกรรมโชว์นมล้มเจ้า ของ น.ส.อ้อม พาลให้นึกถึงบุคคลหนึ่งที่มีแนวคิดไปในทางนี้เช่นกันนั่น “คำ ผกา” หรือ “น.ส.ลักขณา ปันวิชัย” หรือที่หลายคนเรียกขานเธอว่า “นักเขียนดอกทอง” เจ้าของหนังสือ “กระทู้ดอกทอง” ตัวแม่ ที่นิยมชมชอบการเปิดเผยของลับ รสนิยมทางเพศ และเรื่องราวอันเป็นตัณหาราคะของตัวเองให้สาธารณชนได้รับรู้ จนทำให้เธอโด่งดังในการเป็นนักเขียนอย่างว่ามาจนถึงทุกวันนี้ โดยในช่วงที่กระแสความนิยมแผ่วลง เธอได้ถือโอกาสใช้กระแส “อากง” มาเป็นเครื่องมือ “ขายนม” โดยการลงทุนแก้ผ้าจนเหลือแต่นมล่อนจ้อน เพื่อสร้างกระแสความนิยมอันร้อนแรงในหมู่คนเสื้อแดงให้กับตัวเองมาแล้ว
        ขณะเดียวกัน คงต้องหยิบยกสุภาษิตโบราณที่ว่าของชนิดเดียวกันย่อมไหลมาอยู่รวมกัน คงน่าจะเข้ากับสถานการณ์นี้มากที่สุด เพราะมิใช่เพียงแค่เธอคนเดียวที่มี พฤติกรรมจงเกลียดจงชังสถาบันเบื้องสูง แต่ผู้ที่เป็นสามีของเธอจากการตรวจก็พบว่าไม่ได้มีแนวคิดที่ฉีกหนีไปจากกันเลย
        จากการตรวจสอบพบว่า สามีของ "อ้อม ขอนแก่น" หรือ "คำผกา 2" เป็นตำรวจสันติบาลที่จังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อว่า “สมัครชัย ไชยมงคล” เจ้าของฉายา “ทิดอ่ำ เสื้อแดงระยอง” เป็นชาว จ.ระยอง โดยก่อนจะแต่งงานกับนางอ้อม และมีบุตร 2 คน ปัจจุบันเป็นตำรวจอยู่ที่หน่วยตำรวจสันติบาลจังหวัดเชียงใหม่ มีบ้านพักใน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้สมัครเฟซบุ๊กใช้ชื่อ Samakchai Chaimongkol (นิติราษฎร์เพื่อชาติ ศาสนา ประชาชน) เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2553 มีเนื้อหาสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงและโจมตีฝ่ายตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนจะเปิดเฟซบุ๊กอีกบัญชีหนึ่ง ใช้ชื่อ สมัครชัย ไชยมงคล (ระยองวิทยาคม) เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2554 เพื่อใช้คุยส่วนตัว โดยปัจจุบันเฟซบุ๊กทั้งหลายได้ถูกปิดใช้ไปแล้ว
        สรุปง่ายๆ โดยไม่ต้องพุดพร่ำทำเพลงก็คือ ผอสระอัวของอ้อม ขอนแก่นก็คือ “ตำรวจมะเขือเทศ” ที่มีจิตใจฝักใฝ่ระบอบทักษิณและรัฐไทยใหม่ จนลืมไปว่า ตนเองคือข้าราชการที่พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการตำรวจ มาตรา 41 (3)
       ระบุไว้ชัดว่า ผู้ที่จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ต้องมีคุณสมบัติ เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
        ขณะเดียวกัน หากจะพูดถึงแนวคิด อุดมการณ์ และจุดยืนของคนเสื้อแดงด้วยแล้วก็จะพบว่าดูเหมือนจะมีแนวคิดที่ไม่ได้ต่างกันเสียเท่าใดเลย ยิ่งหากย้อนกลับไป ดูพฤติกรรมไม่เอาสถาบันเบื้องสูงของคนเสื้อแดงก็เห็นได้ว่า จะเป็นภาพที่ชินตาของประชาชนโดยทั่วไปอย่างปฏิเสธเสียมิได้เลยทีเดียว
       
       อาทิ 'ก้านธูป' คือชื่อที่อดีตเด็กหญิงวัยมัธยมฯคนหนึ่งที่ปัจจุบันเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ใช้ในการโพสต์ข้อความจาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรงและหยาบคาย ก้านธูปได้แสดงออกถึงความเกลียดชังสถาบันผ่านหน้าเว็บบอร์ดต่างๆ ด้วยถ้อยคำอันหยาบคายสุดประมาณ ตั้งแต่เธอยังใช้คำแทนตัวเองว่า 'หนู' และยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม โดยเฉพาะในเว็บเสื้อแดงต่างๆ ซึ่งมีการโจมตีให้ร้ายสถาบันกันอย่างเมามันส์ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงคงไม่มีใครลืมชื่อของเธอได้อย่างแน่นอน
        หรือจะเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ปรากฏภาพชายสวมเสื้อขาว ปลดธงตราสัญลักษณ์ของสถาบันที่ติดไว้คู่กับธงชาติไทย บริเวณสะพานนวรัฐ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ติดกับจวนผู้ว่าฯ แล้วโยนทิ้งลงแม่น้ำปิง ระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดง ชุมนุมประท้วง และก่อเหตุเผายางรถยนต์ ขว้างระเบิดเพลิงใส่บ้านพักปลัดจังหวัดฯ และเผารถดับเพลิงของเทศบาลนครเชียงใหม่ 2 คัน เมื่อ 19 พ.ค.53
       
       จากการตรวจสอบเขาเป็นพ่อค้าขายกับข้าวในตลาดรวมโชค ติดกับถนนวงแหวนรอบกลาง อ.เมืองเชียงใหม่ ที่เปิดแผงขายอาหารใกล้กับร้านลาบเมืองแพร่ - ร้านขายอาหารปักษ์ใต้มานาน และเป็นเครือข่ายของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มักไปร่วมการชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่แทบทุกครั้ง
      ทั้งหลายทั้งปวงต้องบอกว่า ในความเป็นจริงแล้วแนวคิดและอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงก็เป็นที่รับรู้กันเป็นอย่างดีในหมู่ประชาชนทั่วไปว่าพวกเขาเหล่านั้นได้เลือกที่จะยืนอยู่ตรงข้ามกับสถาบัน อันเป็นที่เคารพรักของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ และที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ก็คือ แนวคิดไม่เอาสถาบันเบื้องสูงย่อมเป็นภัยคุกคามแห่งชาติในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อย่างไม่สงสัย
       ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานในหลักการและเหตุผลว่า รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 เป็นจำนวนไม่เกิน 2,400,000,000,000 บาท เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นได้มีงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 สำหรับใช้เป็นหลักในการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน
       
       ที่ต้องขีดเว้นใต้ไว้ตัวหนาๆ ก็คือ ในการประชุมดังกล่าวก็ยังได้มีการอนุมัติ งบประมาณเกี่ยวกับ ความมั่นคงแห่งรัฐ จำนวน 2.04 แสนล้านบาท หรือ 8.5% ของวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น เพื่อดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ จำนวน 12,506.8 ล้านบาท เพื่อเทิดทูน พิทักษ์ และธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ มิให้มีการล่วงละเมิด โดยพัฒนาระบบถวายความปลอดภัย ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกให้มีความจงรักภักดี เทิดทูน ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนส่งเสริมและเผยแพร่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้ประชาชนตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณ และน้อมนำการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
        แต่คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาเรื่อง การเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าจะว่าไปแล้วคงไม่ต้องยุ่งยากอนุมัติงบประมาณเป็นยอดเงินกว่า 12,506.8 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวเสียให้ยุ่งยาก และเลิกพฤติกรรมปากว่าตายิบเสียทีได้แล้ว เพราะวิธีที่ง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปากก็คือ รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็แค่สั่งแกนนำคนเสื้อแดง และบรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ทราบกันเป็นอย่างดีเสมือนผู้นำส่วนหนึ่งผู้ปลุกฝังแนวคิดไม่เอาสถาบันเบื้องสูงให้แก่คนเสื้อแดง ให้เลิกปลุกปั่นความเกลียดชังสถาบันเบื้องสูงเหมือนที่ผ่านๆมาได้แล้ว
        อีกช่องทางหนึ่งที่จะทำได้ก็คือสั่งให้วิทยุเสื้อแดงทั้งหลายทั้งแหล่ หยุดปลุกระดมให้ร้ายสถาบันเบื้องสูงเสียที เพราะเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า คนเสื้อแดงที่มีอุดมการณ์ไม่เอาสถาบันเบื้องสูง ได้รับการปลุกฝังหัวจากวิทยุชุมชนที่ผุดเป็นดอกเห็ดทั้งหลายเหล่านี่แทบทั้งสิ้น แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่มีการจัดการเหมือนเดิม
       
       อีกทางหนึ่งที่ปฏิเสธเสียมิได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนรับรู้ถึงภัยคุกคามสถาบันเบื้องสูงอีกสิ่งหนึ่งก็คงหนีไม่พ้น หมู่บ้านคนเสื้อแดง ที่แกนนำเสื้อแดงประกาศนักหนาว่าจะต้องสร้างให้ได้กว่า 30,000 หมู่บ้าน ครอบคลุมไปทั้งประเทศไทย ซึ่งคงไม่ต้องพูดซ้ำหลายรอบว่า แนวคิด อุดมการณ์ที่แท้จริงของหมู่บ้านเสื้อแดงที่แท้จริงแล้วมีความอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเพียงใด
      นอกจากนั้น รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องกล้าที่จะเดินไปบอก กลุ่มคนที่เฮโลออกมาให้แก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ให้กลับบ้านไปได้แล้ว และอธิบายให้ชัดเจนไปเสียทีเลยว่า การคงอยู่ของ มาตรา 112 ไม่ได้ทำให้บ้านนี้เมืองนี้เดินหน้าไปไม่ได้หรือล่าหลังแต่อย่างใด ไม่ได้ไปทำให้การดำเนินชีวิตของเหล่าสาวกเสื้อแดงติดขัดจะเป็นจะตายอย่างที่ออกมาร้องแลกแหกกะเชอกันอยู่ขณะนี้
       ด้วยเหตุดังกล่าวอาการปากว่าตาขยิบของ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่เคยจริงใจคิดปกป้องสถาบันเบื้องสูง จะมาทำท่าออกแอ็กชั่นขึงขังตอนนี้ก็คงสายไปแล้ว เพราะที่ผ่านมาสังคมก็รับรู้ได้อย่างดี ของความเป็นยี่ห้อคนเสื้อแดงอยู่แล้วว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้นมีแนวคิดอย่างไรต่อสถาบันเบื้องสูง ซึ่งคงไม่น่าแปลกใจอันใดแล้ว หากจะเห็น โมเดลโชว์นมล้มเจ้า ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในขบวนการคนเสื้อแดง เพราะนี่คือตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเหล่านั่นนั้นเอง...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : 26 พฤษภาคม 2555 06:42 น.

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ม็อบแดงราชประสงค์ โล้นชุดดำ กลายร่างเป็นพระ

ภาพโล้นชุดดำแปลงร่างเป็นพระ “พิงค์ แพนเตอร์” ในการชุมนุมแดงแยกราชประสงค์ ว่อนเน็ต โซเชียลมีเดีย รุมประณามสาวแดงถือป้าย “กูไม่รักพ่อมึง ตายมั้ย” ด้าน กวี ออนไลน์เปรียบ “แม้ว ผี โฟนอิน” ขณะที่ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ก จัดหนักประจานความ
       ล้มเหลวรัฐบาลปู
        วันนี้ (20 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 55 ในโลกโซเชียลมีเดียได้มีการนำภาพพระสงฆ์ที่ไปร่วมกิจกรรมกับคนเสื้อแดงในหลากหลายอิริยาบถที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมต่อการครอง
       สมณเพศ ที่น่าสนใจคือมีภาพชายชุดดำมีหมวกไอ้โม่งสีดำคาอยู่บนศีรษะ กำลังนำจีวรเหลืองมาคลุมร่างตัวเองด้วย โดยผู้โพสต์ภาพดังกล่าวใช้ชื่อว่า “พิงค์ แพนเตอร์” เขียนข้อความประกอบภาพว่า “นี่คือภาพชายชุดดำ หรือ กองกำลังชายชุดดำ กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากลายเป็นพระเสื้อแดง มีคนถ่ายภาพไว้ได้ค่ะ”
       นอกจากนี้ ยังมีการนำภาพดังกล่าวไปขยายผลประกอบบทกวีสมัครเล่นของ “พี่คนดี กวี
       ออนไลน์” ลงวันที่ 20 พ.ค. 55 ภายใต้ชื่อ “ชุดดำใต้จีวร” แค่โล้นโกนศีรษะ เดี๋ยวเป็นพระเดี๋ยวเป็นการ์ด เหมือนคนหลายบทบาท ช่างบังอาจทำให้เห็น ห่มเหลืองเรื่องง่ายๆ กล้าท้าทายอายไม่เป็น ปิดบังและซ่อนเร้น ชุดดำเด่นใต้จีวร ข้างหลังก็นั่งดู ทำไม่รู้ช่วยกันซ่อน ทำเล่นเป็นละคร ไม่อาทรเรื่องเวรกรรม กวีออนไลน์คนเดียวกันยังได้นำภาพการชุมนุมหลายภาพมาประกอบบทกวีชื่อ “ควันหลงงานรำลึก” มีเนื้อหาว่า รำลึกถึงคนตาย เขาทั้งหลายแต่งเป็นผี มีโชว์โคยาตี้ ผมสยายมาส่ายดิ้น สัญญาณไม่ค่อยดี คล้ายมีผี มาโฟนอิน ชูป้าย มุ่งหมายหมิ่น ไทยทั่วถิ่น รุมประณาม
     
         สำหรับภาพที่มีการแชร์และเขียนข้อความประณามมากที่สุดเป็นภาพหญิงสาววัยรุ่นใส่เสื้อแดงถือป้ายข้อความว่า “กูมันไพร่ หนักหัวพ่อมึงเหรอ กูไม่รักพ่อมึง ตายมั้ย” ในขณะที่หลายเว็บไซต์ที่เป็น “กลุ่มแนวร่วมเพจต้านระบอบทักษิณ” ได้ทำข้อมูลตรวจสอบการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในหลากหลายประเด็น อาทิ ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ก ได้นำเรื่องหอมแดงเน่าในหลายจังหวัดและการค้างชำระค่าชดเชยให้ชาวบ้านมาประจานด้วย
       รวมทั้งยังนำคำพูดของนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ที่มีนโยบายเปลี่ยนแป๊ะเจี๊ยะเป็นเงินบริจาค เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 55 มาทวงถามนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่าทำไมจึงปล่อยให้มีนโยบายเช่นนี้จนนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา ถูกตัดสิทธิ์เข้าเรียนเพราะไม่มีเงินแป๊ะเจี๊ยะและทิ้งท้ายว่า “ทำไมถึงไม่แก้ไข แต่วันนี้กลับมาร้องไห้ มันช่วยอะไรขึ้นมาอย่างนั้นหรือ เราต้องการ นายกฯ ที่มีวุฒิภาวะผู้นำ ไม่ต้องการ “ดาราเจ้าน้ำตา” หรือ “พริตตี้” ที่แต่งตัวสวยไปวันๆ”
      นอกจากนี้ ยังนำข้อมูลเกี่ยวกับ นายอุดม มั่งมีดี อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ที่ให้คำปรึกษากับดีเอสไอว่า คำพูดของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ในการปราศรัยหมิ่นเบื้องสูงว่าไม่เข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาประจานความใกล้ชิดกับคนเสื้อแดง ตั้งแต่เคยตัดสินให้ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จำคุกสองปีไม่รอลงอาญา ในคดีหมิ่นประมาท นายภูมิธรรม เวชยชัย 10 ธันวาคม 2552 ขึ้นเวทีเสื้อแดงโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทย
       2 เมษายน 2555 ได้รับการแต่งตั้งจาก ครม.นางสาวยิ่งลักษณ์ให้เป็น กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่า “อาศัยคำปรึกษาตุลาการ
       สีแดงไม่ฟ้อง จตุพร “ตัดตอนกระบวนการยุติธรรม” มาตรฐานรัฐไทยใหม่ พวกทักษิณ = ความถูกต้อง



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th
พบแล้ว! สาวเสื้อแดงถือป้ายหมิ่นเหม่ในม็อบราชประสงค์เป็นชาวน้ำพอง จ.ขอนแก่น
                        สาวเสื้อแดงคนนี้ชื่อ"อ้อม"เป็นชาวน้ำพอง จ.ขอนแก่น 

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พบแล้วสาวเสื้อแดงถือป้ายหมิ่นเหม่ไม่เหมาะสมในที่ชุมนุมราชประสงค์ ที่แท้เป็นชาวอำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น เผยเป็นกลุ่มเสื้อแดงไม่เอาสถาบัน ร่วมเคลื่อนไหวกับนักศึกษา มข.บางกลุ่มต่อเนื่อง มีสามีเป็นตำรวจสันติบาลที่เชียงใหม่
       
       จากกรณีที่กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ชุมชนออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ได้มีการส่งต่อและแชร์ภาพถ่ายของหญิงสาววัยรุ่นใส่เสื้อแดง ถือป้ายข้อความว่า “กูมันไพร่ หนักหัวพ่อมึงเหรอ กูไม่รัก พ่อมึงตายมั้ย” ซึ่งร่วมชุมนุมกับบรรดาเสื้อแดงที่ย่านราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยหญิงคนดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกประณามอย่างรุนแรง เพราะข้อความบนป้ายที่ถือนั้นหมิ่นเหม่ ไม่เหมาะสม
       
       ล่าสุดวันนี้ (21 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หญิงสาวคนดังกล่าวแท้จริงแล้วเป็นชาวขอนแก่น มีชื่อเล่นว่า “อ้อม” พักอาศัยอยู่บ้านท่ากระเสริม ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง โดยที่บ้านเปิดเป็นร้านขายของชำ มีสามีและมีลูกแล้ว 2 คน สามีเป็นตำรวจสันติบาลที่จังหวัดเชียงใหม่
       
       จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า สาวเสื้อแดงชื่อ “อ้อม” คนเดียวกันนี้มักจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นแทบทุกครั้งที่มีการนัดชุมนุม และเป็นคนเสื้อแดงที่จัดอยู่ในกลุ่มแดงหัวก้าวหน้าขอนแก่น หรือกลุ่มเสื้อแดงไม่เอาสถาบัน มีพฤติกรรมเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบันร่วมกับกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มาอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มแดงหัวก้าวหน้ากลุ่มนี้มีอาจารย์บางกลุ่มของ มข.ให้การสนับสนุน...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
ภาพจาก Internet
www.manager.co.th : 21 พฤษภาคม 2555 16:12 น.