วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อนาถ เจ้าหน้าที่จีนบังคับทำแท้งทารก 7 เดือน วางศพไว้ข้างตัวแม่ ปรับอีก 2 แสนบาทข้อหามีลูกเกิน

นางเฝิงนอนหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าโรยราไร้กำลังกายกำลังใจ (ภาพเฟิ่งหวง)
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - เจ้าหน้าที่คณะกรรมการวางแผนครอบครัวและประชากรมณฑลส่านซีถูกโจมตีเละ กรณีที่เจ้าหน้าที่ฯ เขตเฉิงจยา บีบบังคับให้สตรีตั้งครรภ์ 7 เดือนทำแท้งราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แถมรีดค่าปรับข้อหามีลูกเกินอีกนับ 2 แสนบาท
       
       คณะกรรมการฯ เผยในแถลงการณ์ทางเว็บไซต์ของรัฐบาลมณฑลส่านซีว่า ขณะนี้ได้ส่งหน่วยตรวจสอบลงไปยังเมืองอานคังเพื่อไต่สวนแล้ว
       
       ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่ว สะท้อนความฟอนเฟะว่าสตรีแดนมังกรไร้เสียซึ่งสิทธิในการตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 แม้กระทั่งตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอดเต็มทียังไม่วายถูกจับรีดเด็กออก
       
       คณะกรรมการฯ ต้องออกโรงแก้ต่างพัลวัน หลังจากกระแสโกรธเกรี้ยวลุกลามไปทั่วแผ่นดินมังกร กรณีที่ภาพของนางเฝิง เจี้ยนเหมย วัย 22 ปี ถูกเจ้าหน้าที่วางแผนครอบครัวในเขตเจิงจยาบีบบังคับต่าง ๆ นานาให้เอาลูกออกเป็นเวลา 3 วัน กระทั่งวันที่ 2 มิ.ย. จึงถูกจับฉีดยาขับทารก เนื่องจากเจ้าหน้าที่อ้างว่าการมีลูกคนที่ 2 ขัดกับนโยบายลูกคนเดียวของจีน และนางเฝิงกับสามีก็มีลูกสาววัย 5 ขวบอยู่แล้ว
ศพเด็กทารกเพศหญิง 7 เดือนที่ถูกฉีดยาขับออกถูกนำมาวางคู่กับนางเฝิง (ภาพเฟิ่งหวง)
       
       ยิ่งภาพศพเด็กทารกเพศหญิง 7 เดือนที่ถูกฉีดยาขับออกถูกนำมาวางคู่กับนางเฝิงได้แพร่ไปในโลกออนไลน์ ยิ่งทำให้กระแสโกรธเกรี้ยวลุกโหมไปทั่ว ในภาพนางเฝิงนอนหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าโรยราไร้กำลังกายกำลังใจ
       
       ชาวเน็ตคนหนึ่งประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการฆาตกรรมอย่างไร้มนุษยธรรมพอ ๆ กับการสังหารล้างเผ่าพันธุ์สตรีและเด็กในซีเรีย ส่วนชาวเน็ตคนอื่น ๆ เรียกร้องให้มีการทบทวนนโยบายลูกคนเดียว เพราะทนไม่ไหวกับความโหดร้ายที่หญิงมีครรภ์ถูกบังคับให้ทำแท้งแม้ทารกใกล้คลอด
       
       ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จีนได้นำนโยบายลูกคนเดียวมาใช้ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 ภายใต้นโยบายดังกล่าว ครอบครัวในเขตเมืองจะได้รับอนุญาตให้มีลูกเพียงคนเดียว ส่วนครอบครัวในชนบทอาจจะได้รับอนุญาตให้มีลูกได้เป็นคนที่ 2 หากลูกคนแรกเป็นหญิง หรือบางเมืองอาจจะให้มีลูกคนที่ 2 ได้ หากพ่อแม่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว
ศพเด็กทารกเพศหญิง 7 เดือนที่ถูกฉีดยาขับออกถูกนำมาวางคู่กับนางเฝิง (ภาพเฟิ่งหวง) 
       
       นายเติ้ง จี้หยวน สามีของนางเฝิงให้สัมภาษณ์กับเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ทางโทรศัพท์ (13 มิ.ย.) เผยว่า “ภรรยาของผมยังอาการไม่ดีขึ้น เธอเศร้าสลดหมดอาลัยตายอยาก บางทีจู่ ๆ ก็อารมณ์ร้ายและสับสนในตัวเอง”
       
       ในระหว่างที่ภรรยาถูกบังคับทำแท้ง เติ้งผู้สามีกำลังทำงานอยู่ในเขตมองโกเลียใน เขาได้ข่าวภรรยาหลังจากเจ้าหน้าที่ฯ นำตัวนางเฝิงไปจ่ายค่าปรับสำหรับการมีลูกคนที่ 2 มูลค่าสูง 40,000 หยวน (ราว 2 แสนบาท) “นั่นมันมากกว่าเงินที่ผมทำงานมา 4 ปีเสียอีก” นายเติ้งกล่าว “เราไม่มีเงินทองมากขนาดนั้น”
       
       เติ้งเขียนข้อความในอินเทอร์เน็ตระบุว่า เจ้าหน้าที่ในเมืองใช้ผ้าสีดำมาคลุมศีรษะนางเฝิงขณะที่เธอถูกนำตัวขึ้นรถขับตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลอำเภอเจิ้นผิง ในเมืองอานคัง หลังจากนั้นก็ฉีดยาฆ่าทารก เร่งปฏิกิริยาให้กล้ามเนื้อของเธอหดตัวเพื่อบีบเอาเด็กออก 
       
       ทันทีทันใด เจ้าหน้าที่วางแผนครอบครัวฯ อำเภอเจิ้นผิงก็ออกแถลงการณ์ (11 มิ.ย.) ระบุว่า นางเฝิงยินยอมให้ทำแท้งหลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าไปชักชวน อย่างไรก็ตามนายเติ้งออกมาปฏิเสธถ้อยแถลงของรัฐบาลฯ อย่างสิ้นเชิง
       
       “คนตั้งหลายคนผลักภรรยาของผมเข้าไปในรถ จากนั้นก็ขับพาเธอมาโรงพยาบาล ครอบครัวก็ไม่ให้เข้าพบ เธอไม่มีทางยอมให้ทำแท้งเด็ดขาด เจ้าหน้าที่บังคับให้เธอพิมพ์ลายนิ้วมือบนกระดาษด้วย” เติ้งกล่าว
       
       เติ้งเผยอีกว่า เขาได้ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่เมืองอานคังต่อสำนักงานร้องทุกข์ฯ แม้กระทั่งเข้าพบรองนายกเทศมนตรีฯ เพื่อเรียกร้องให้มีการไต่สวน แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ดังนั้นจึงตัดสินใจเขียนเรื่องราวเหล่านี้ตีแผ่ในโลกออนไลน์
ป้ายเขียน “ยอมให้เลือด (เด็กทารก) นองเป็นสายน้ำ แต่ไม่ยอมให้มีลูกเกิน 1 คน” (ภาพเฟิ่งหวง) 
       
       จัง ไค นักกฎหมายในกรุงปักกิ่งเผยว่า เขาได้คุยโทรศัพท์กับเติ้ง และอาจช่วยตรวจสอบความเป็นไปได้ในการฟ้องร้องรัฐบาลท้องถิ่นต่อไป...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.thwww.manager.co.th : 14 มิถุนายน 2555 14:06 น.



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น