วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ถ้ายังถือดีทำร้ายชาติ.. ชีวิต เหลี่ยม จะพังพินาศกว่าที่หมอดูทำนาย..


ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ถ้าหากยังถือดีทำร้ายชาติ ดื้อดึงบงการเกม พ.ร.บ.ปรองดองกับการแก้รัฐธรรมนูญ เริ่มจุดไฟในนาครให้คนไทยฆ่าฟันกัน หากยังกระทำอยู่ ผลที่ตามมาจะไม่เพียงแต่ “น้องสาว” ดีแต่สวยจะต้องตกจากเก้าอี้ผู้นำรัฐฯ เท่านั้น แต่ชีวิต “เหลี่ยม” กับครอบครัวจะพังพินาศกว่าที่หมอดูทำนาย 
       
       จู่ๆ อยู่ๆ “เหลี่ยมร้าย” ก็เปลี่ยนใจหลัง พ.ร.บ.ปรองดอง กฎหมายทำลายชาติเข้าประชุมสภาไม่สำเร็จ เพราะพลังประชาชนคนไทยผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปชุมนุมเพื่อต่อสู้ต้าน พ.ร.บ.ปรองดอง กันมืดฟ้ามัวดินดังที่ทราบกันดีแล้วนั้น ทำให้ “เหลี่ยมร้าย” ต้องโฟนอินมาใหม่ 2 มิถุนายน 2555 มายังเวทีแกนนำเสื้อแดงอ้อนคนเสื้อแดงว่า ไม่เคยคิดย่ำยีหัวใจคนเสื้อแดง อยากจะบอกว่า เขาเป็นคนรู้สำนึกคนเสื้อแดง ไม่คิดทิ้งคนเสื้อแดง ส่วนที่เคยพูดโฟนอินเข้ามาครั้งก่อน ขอบอกขอบใจ แล้วบอกลาพี่น้องคนเสื้อแดงพายเรือมาส่งถึงฝั่งแล้ว จะขอขึ้นรถขึ้นเขาไปตามทางอะไรนั่น ก็แก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ อ้างว่าเป็นเรื่องที่พูดไปนั้นสัญญาณการสื่อสารไม่ชัด ติดๆขัดๆ ว่าตอนพูดไปอยู่ที่เมืองบ้านนอกของเมืองจีน
       
       โถ่..คุณเหลี่ยมขลุ่ยช่างเก็บน้ำลายที่ถมถุยลงดินเก็บขึ้นมากลืนกินได้ลงคอ แล้วยังร้องเพลง “รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก” สร้างเสียงหัวเราะเบิกบานเป็นที่ชื่นอกชื่นใจคนเสื้อแดง เล่นเอาแกนนำม็อบที่ปลุกพวกให้เผาบ้านเผาเมืองได้ดีที่เป็น รมต.ยิ้มหน้าบานไม่หุบ เรื่องเช่นนี้จะมีนัยเป็นอื่นใดไปไม่ได้ แต่จะเป็นเพราะเหตุอะไรนั้น ประชาชนผู้รักชาติคนไทยทุกคนต่างรู้ทัน เกมตื้นๆ เช่นนี้
       
       ส่วนครั้งก่อนเดือนเมษายนที่ “เหลี่ยมร้าย” กับคณะยกพวกไปเล่นสงกรานต์ในแผ่นดินลาวไปตั้งเวทีฉลองสงกรานต์ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินขะแมร์ นอกจากจะได้แปลงชื่อเพลงฝรั่งเป็นชื่อไทยว่า “ช่างแม่มัน” แล้วไซร้ โดยตอกย้ำหลายครั้ง นั่นก็เป็นประเด็นที่ประชาชนคนไทยตั้งคำถามกันว่า จริงๆ แล้วนั้น เหลี่ยมมันด่า “แม่” ของใครกันแน่ อีกทั้งสมุนข้าทาสบริวารยังได้แต่งเพลงขับขานสรรเสริญ นาย “ฮุนซวย” อย่างเลิศลอย เข้าทำนองเกิดเป็นคนไทยแต่มีหัวใจเป็นทาสชนชาติอื่นโดยแท้ ก็แค่นายฮุนซวยใช้เล่ห์ทำอุบาย “ยืมดาบฆ่าคนบนผืนแผ่นดินไทย” ด้วยกันเอง ที่เขาทอดไมตรีให้นั้นมีเป้าหมายใหญ่อยู่ที่จะเอาผืนแผ่นดินไทยด้านเขาพระวิหารไปจากไทย ซึ่งจะเป็นเหตุใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้สุดที่ผู้รักประชาชนจะทนได้ ทำไมถึงคิดกันไม่เป็น แกล้งโง่หรือเปล่า ?
       
       ระยะนี้ยิ่งมีสิ่งบอกเหตุล่วงหน้าที่ ผู้นำรัฐฯ นารี..ดีแต่ทำสวยเบ๊อะเฟอะ แม้จะเริ่มมีใบหน้าหมองเศร้า ได้เริ่มเปิดปากพูดกับสื่อต่างประเทศ พูดผ่านทางวิทยุกรมกร๊วก ถึงเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองว่าเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา ทั้งยังเลี่ยงว่า พ.ร.บ.ปรองดองที่นำเข้าสู่สภานั้นไม่ใช่ส่วนของรัฐบาล แต่การปรองดองก็เป็นส่วนหนึ่งในโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ สิ่งบอกเหตุนี้ชี้ให้เห็นว่า ยังมีความพยายามบงการจากคนอยู่นอกประเทศคนนั้นอย่างไม่ยอมเลิกรา เพื่อจะผ่าน พ.ร.บ.ปรองดอง กับการดึงดันแก้รัฐธรรมนูญไปให้จงได้ไปให้ได้ เพื่อจะได้กลับเมืองไทยแบบไร้มลทินแบบเท่ๆ สุดทีน
       
       ที่จริงเรื่องปรองดองแก้ได้ไม่ยาก แค่กล้าบินไปต่างประเทศไปพบกับ “เหลี่ยมร้าย” ผู้พี่ชายยื่นคำขาดไปเลยว่า ขออย่าพูดให้ท้ายใครๆ อีก ทั้งพวกเสื้อแดง หรือพวกกองกำลังเสื้อดำ (มีเขียวแตงโมแจม) ขออย่าให้ปลุกระดมจนเป็นชนวนเหตุให้คนไทยฆ่ากัน ถ้าพี่ “เหลี่ยม” ยังเห็นน้องสาวคนนี้อยู่ในสายตา จะได้อยู่ในอำนาจแก้ไขปัญหาให้ไป ส่วนเรื่องกลับบ้านก็ควรรอเวลาไปสัก 4 หรือ 5 ปีจะได้หรือไม่ เรื่องใหญ่ๆ เช่นนี้ต้องใช้เวลาทำความดีให้ประชาชนเห็นก่อน จะหักหาญเอาแต่ใจย่อมไม่ได้
       
       ถ้าทำได้ดังนี้ เรื่องปรองดองจะจบได้สวย ไม่ต้องออก พ.ร.บ.ปรองดองออกมาเป็นกฎหมาย เรื่องปรองดองเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า ด้วยคนไทยที่เป็นชาวพุทธเรื่องให้อภัยกันเป็นเรื่องที่มีอยู่ในหัวจิตหัวใจอยู่ แต่ต้องยอมรับผิดชอบชั่วดีเสียก่อน ใครมีคดีก็ว่ากันไปตามกระบวนการไปจบกันที่ศาลยุติธรรม มันถึงจะไปปรองดองกันได้ 
       
       ส่วนการชุมนุม 30 พฤษภาคม 2555 พลันที่พลังประชาชนคนไทยผู้รักชาติพันธมิตรฯ ได้ปรากฏขึ้นให้เห็นกันจะจะอย่างมากมาย ทำให้บรรดาข้าทาสบริวารของ “เหลี่ยมร้าย” พวกนักการเมืองกระหายเงิน หิวอำนาจ กับสื่อเชลียร์บางสื่อ ที่เคยร่วมกันสบประมาทพลังผู้รักชาติพันธมิตรฯ ไว้ โดยคาดการณ์ว่า จะมีไม่มากจุดไม่ติด เมื่อถึงสถานการณ์ปัจจุบัน คนพวกนี้จึงต้อง “สับขาหลอก” กันเป็นการใหญ่ เริ่มปลุกระดมเสื้อแดงขึ้นมาอีก และขบคิดกันหนักว่าจะทำอย่างไร ? ที่จะถือครองอำนาจไว้ต่อไปให้ได้นานที่สุด
       
       ครั้งนี้แค่หุ่นเชิดของ “เหลี่ยมร้าย” ครองมีอำนาจไม่ถึง 1 ปี ได้ทำร้ายจิตใจ ย่ำยีข้าราชการน้ำดีผู้รักประเทศชาติไปหลายคน นับแต่คุณถวิล เปลี่ยนศรี เลขา สมช. คุณอนุวัฒน์ เมธีวิบูลย์รัฐ อธิบดีกรมที่ดิน (ที่มีเหตุมาจากไปขัดใจผู้มีอำนาจเรื่องที่ดินของสงฆ์เหตุมาจากนักการเมืองเก่าแก่เล่นแร่แปรธาตุเอามาซื้อขายกัน) และข้าราชการดีอีกเกือบ 10 คน ถ้าอำนาจการบริหารแผ่นดินไทยตกอยู่ในกำมือ “เหลี่ยมร้าย” กับพวกนักการเมืองมารร้ายยาวนานออกไปเท่าใด พวกข้าราชการดีของชาติ กับพวกสื่อเองนั่นเองแหละที่จะมีที่ยืนอยู่ได้อย่างลำบาก
       
       ขนาดยังกุมอำนาจไม่เบ็ดเสร็จ ยังแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นเช่นนี้ มีกระทำการกดดันแทรกแซงสื่อทั่วไป ตามสันดานนักการเมืองมาร้ายกินเมือง พวก “ทรราช” อ้างความเป็นประชาธิปไตยว่ามาจากการเลือกตั้ง ที่มีจิตใจเป็นเผด็จการ ภาพข่าวที่คนทำสื่อค่ายหนึ่งได้ถูกคำสั่งของ “เหลี่ยมร้าย” บัญชาให้ “เน.. ขะแมร์” ยกทัพสมุนบริวารไปล้อมอาคารสำนักงานที่ทำงานไว้ ..
       
       ส่งตัวแทนบุกเข้าไปในกองบรรณาธิการ ทำให้พนักงานคนทำสื่อสตรีท้องแก่ และพนักงานคนอื่นๆ ต้องปีนบันไดพาดรั้วหนีออกมาอย่างทุลักทุเล เพราะพวกสมุนที่ไปด้วยประกาศเผา ภาพข่าวตัวอย่างเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานนักนี้ คงไม่ลืมกันไปง่ายๆ ล่าสุด นี่ก็เพิ่งโดนลดรายการต่างๆออกจากผังข่าวที่ อสมท ถึง 2 รายการคือ “เช้าข่าวข้น” กับ “ข่าวข้นคนข่าว” คงจะได้รู้สึกรู้ตระหนักถึงภัยจากอำนาจของพวกนักการเมืองทรราชกันบ้างแล้ว ดีแต่เหน็บ ASTVผู้จัดการอยู่เป็นประจำ คราวนี้โดนกับตัวเองเข้าดอกนี้ คงมึนตึ้บไปเหมือนกันใช่มั๊ย ไงล่ะมีลูกไปเข้าร่วมกระบวนแก้การกฎหมาย 112 กับพวกเขา แล้วพวกเขาไว้หน้าหรือเปล่าล่ะ
       
       อีกสื่อเป็นสื่อดีหัวสีบานเย็น มีประวัติมีอดีตการต่อสู้มายาวนานเป็นสื่อผดุงความเป็นธรรมให้ประชาชนมา บัดนี้เริ่มเปลี่ยนไป ดั่งพาดหัวข่าวในออนไลน์ว่า...เลื่อนประชุมไร้กำหนด “พธม.” คลั่งลุยฝ่าดงตำรวจสกัด ส.ส.เพื่อไทยเข้าสภา ทำไมจึงพาดหัวข่าวเรียกแขกได้ถึงเพียงนี้ ซ้ำเติมประชาชนคนไทยผู้รักชาติพันธมิตรฯ ได้อย่างนั้น และอีกหลายๆ ข่าวเขาก็เข้าข้างฝ่ายถืออำนาจอยู่ไม่น้อย เป็นสิ่งคาดไม่ถึงว่าสื่อดีมีอดีตได้ต่อสู้กับทรราช คณะปฏิวัติผ่าน 14 ตุลาคมปี 2516 มาได้ หนังสือพิมพ์หวิดถูกปิดตาย ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ หัวหน้าข่าว กับบรรณาธิการขณะนั้นที่เขียนข่าวนำเสนอการชุมนุมต่อสู้ของนิสิตนักศึกษากับประชาชน หากเป็นฝ่ายแพ้แน่นอนย่อมมีคุกติดตะรางมีข้อหา “ภัยสังคม” แถม
       
       แล้วย้อนไปครั้งที่ “เป็ด เฉ-ลิม” มึนแอลกอฮอล์หน้าแดงก่ำ เมาอำนาจด่ากราดนักข่าวที่สถานีตำรวจทองหล่อ สื่อสีบานเย็นไม่รู้ตัวหรือว่าที่ “เป็ดเฉ-ลิม” ได้ด่าพาดพิงไปถึงบรรณาธิการด้วยอย่างสาดเสียเทเสีย ขอให้ไปเปิดคลิปวิดีโอดูเถิด ซึ่งช่วงนั้นได้มีประชาชนผู้รักความเป็นธรรม ชื่นชมผลงานการต่อสู้ของสื่อสีบานเย็น ได้พากันรุมด่าทอสาปแช่ง “เป็ด เฉ-ลิม” ไปทั่วประเทศ รวมทั้งผู้เขียนนี้ต่างเห็นใจรุ่นน้องนักข่าวคนนั้นอย่างยิ่ง
       
       ในฐานะที่เคยเป็นศิษย์เก่าแก่ของสื่อดีนี้มาแต่ครั้งโรงพิมพ์สี่พระยาหน้ากรมสรรพสามิตรุ่น 2509-2517 ขณะนี้มาเป็นผู้รักชาติพันธมิตรฯ คนหนึ่งขอบอกว่าไม่ได้ “คลั่ง”..ตามที่พาดหัวข่าว แม้จะมีสื่อเขียนหาว่าเป็นพวก “คลั่งชาติ” บังเอิญสื่อพวกนั้นเป็นสื่อเชลียร์ผู้ถืออำนาจรัฐฯ หวังเอาโฆษณาจากหน่วยงานของรัฐฯ จึงมิได้ถือสาหาความไม่โต้ตอบ แต่ครั้งนี้เป็นสื่อดีจึงขอเขียนถึงไว้ด้วยความเจ็บปวดหัวใจจริงๆ 
       
       ปัจจุบัน สภาพของผู้นำรัฐฯ เริ่มเสื่อม ประชาชนไม่ศรัทธาเหมือนช่วงที่หาเสียงเลือกตั้ง ส่วนที่หาเสียงไว้เรื่องราคาพลังงานน้ำมันจะทำให้ลดราคาลงมากๆ นั้น เมื่อมีอำนาจกลับไม่ทำ กลับชอบที่จะไปดูแลแรงงานต่างชาติให้ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ขณะแรงงานไทยยังตกงานไม่มีงานทำกันอยู่จำนวนมาก ราคาค่าครองชีพอาหารการกินขึ้นราคาไปแล้วก็ลงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ราคาข้าวมันไก่-ไก่สับ เดิมห่อละ 50 บาท (แยกข้าว) ขึ้นราคาเป็นห่อละ 70 บาท ข้าวมันห่อ 10 บาท (มีนิดเดียว) ต้องห่อละ 15 บาทจึงจะได้มาก
       
       ส่วนอาหารข้าวแกงใส่ถุงขายแม่ค้าพ่อค้าเขาค้าขายกันอยู่ดีๆ ถุงละ 20 บาทถึง 25 บาท ก็ไปบอกว่าอย่าให้เกิน 30 บาท คราวนี้เป็นไงล้วนราคา 30 บาทกันไปหมดทุกที่ ตอนนี้ข้าวผัดห่อละ 40 บาทไปแล้ว แม้แต่กากหมูที่เคยมีราคาไม่แพง เมื่อแม่ค้าเจียวเอาน้ำมันไปขายแล้ว ก็จะนำกากหมูมาใส่ถุงขายราคาถุงละเกือบ 100 บาทไปแล้ว ชาวบ้านร้านช่องเขาซื้อกากหมูมาทำไม เขาซื้อมาผัดกับพริกแกงไว้กินกับข้าวสวยร้อนๆ อีกส่วนหนึ่งแยกเก็บใส่กล่องไว้เวลาจะนำมากินก็เอามาอุ่นในหม้อข้าวหุงข้าวกินได้หลายมื้อ ชาวบ้านประหยัดกันอย่างนี้ แม่เจ้าประคุณ “ปูน้อยหนีบมือ” คงไม่รู้ เพราะไม่ใช่คนยากคนจนหาเช้ากินค่ำ
       
       ก็ฝากไว้ตรงนี้ว่าที่จะมาประชุม ครม.ที่ชลบุรี เมืองพัทยา หากมาเมื่อใด จะมีประชาชนที่เดือดร้อนจริงๆ จากในทุกเรื่องจากจังหวัดภาคตะวันออกจะพากันแห่ไปขอความช่วยเหลือนับร้อยๆคน หรือมากกว่านั้น ต้องขอเขียนบอกไว้ล่วงหน้า ส่วนจะมาจากปัญหาอะไรนั้น ย่อมไม่เกินการข่าวของคนของรัฐฯ ขณะนี้จะหาความจริงได้
       
       สำหรับ “เหลี่ยมร้าย” หากจะกลับใจทำความดีก็ย่อมได้ แต่หากยังขืนดึงดันต่อไปเห็นชีวิตคนไทยด้วยกันไร้ค่า เป็นเช่นดังผักปลาแล้วล่ะก้อ ขอจงอ่านประโยคต่อไปนี้ไว้แล้วพิจารณาเอาเองเถิด
       
       “สิ่งใดที่ได้มาด้วยอำนาจ สิ่งนั้นต้องรักษาด้วยอำนาจ อำนาจทำให้คนขาดเขลาลุ่มหลง มัวเมา เห่อเหิมทะเยอทะยาน ขณะที่บรรดานักปราชญ์นั้นจะเห็นว่า อำนาจนั้นคู่กับอนิจจัง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน ไม่ถาวร” กับอีกประโยคที่ว่า “คนที่ไม่รู้จักแพ้ จะไม่รู้จักชนะ แพ้กับชนะเป็นของคู่กัน นักกีฬาต้องรู้แพ้รู้ชนะ แต่เรามักจะฝึกสอนกันให้รู้จักชนะแต่อย่างเดียว ไม่ฝึกสอนให้รู้จักแพ้ หรือแพ้เป็น ถึงคราวแพ้ต้องรู้จักแพ้ และต้องยอมแพ้วันนี้เพื่อชนะวันหน้า..” ส่วนปราชญ์ผู้เขียนประโยคเหล่านี้เป็นปราชญ์เป็นบัณฑิตผู้ยิ่งใหญ่ในโลกแห่งธรรม มีชื่อเสียงจังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งท่านได้ล่วงลับจากโลกนี้ไปแล้ว บังเอิญที่เคยได้ใกล้ชิดท่าน ได้รับธรรมเมตตาจากท่าน จึงเขียนความให้ปรากฏไว้บนแผ่นดินทองผืนนี้
       
       แล้วที่ “เหลี่ยมร้าย” ทำเป็นคึกจัดโฟนอินจากนอกประเทศมาอ้อนยังเวทีเสื้อแดงอีกนั้น เพื่อการใด เพื่อให้สมผลประโยชน์ของตัวใช่หรือไม่ จงถามใจตัวเองดูว่า คิดดีคิดชอบแล้วใช่ใหม ที่จะเอาชีวิตคนไทยบางส่วนที่ใช้ “อำนาจเงิน” หว่านเอามาเป็นพวกมาเป็นกำแพงเป็นปราการให้ และประมาทว่าคนไทยอีกส่วนหนึ่งหงอไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้ ทั้งๆ รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเป็นการประเมิน และคาดการณ์ที่ผิดพลาดแต่ก็ยังดันทุรัง
       
       ถ้ายังถือดีทำร้ายชาติ ดื้อดึงบงการเกม พ.ร.บ.ปรองดอง กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จุดไฟในนาครให้คนไทยต้องฆ่าฟันกันเอง คงไม่ใช่เพียงแค่น้องสาวผู้นำรัฐฯ ก็คงต้องหลุดจากเก้าอี้อำนาจเท่านั้น แต่ชีวิต “เหลี่ยม” จะพังพินาศ แล้วจะพันกันไปถึงชีวิตครอบครัว มากกว่าที่หมอดูได้ทำนายทายทักไว้ แล้วหากเกิดบังเอิญว่า “เจ้ากรรมนายเวร” ตามมาทัน จะส่งซิกส่งสัญญาณให้ลูกๆ เผ่นไปตั้งหลักที่สิงคโปร์ หรือฮ่องกงไม่ทันได้เดือดร้อนกันก็คราวนี้
       
       ภายหลังโฟนอินมาเอาใจแกนนำแดงกับพวกข้าทาส ขณะนี้ แกนนำแดงได้ออกข่าวจวกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกันแล้ว พูดเรื่องโน้น พูดเรื่องนี้กลับความจริงให้เป็นความเท็จ สุดแต่พวกปากผีเจาะมาให้พูดจะว่ากันไป แต่จะเป็นเล่ห์เพทุบายกลบข่าวที่กระทรวงต่างประเทศจะทำเรื่องให้ “เหลี่ยมร้าย” เดินทางเข้าอเมริกาให้จงได้ แล้วทำสัญญาให้พวกอเมริกันมาใช้ฐานบินอู่ตะเภาอีกครั้ง คนพวกนี้ช่างลืมอดีตเสียจริงๆ ที่ฐานบินเก่าอเมริกันที่อุดรนั่นก็ครั้งหนึ่งแล้วให้พวกสิงคโปร์ก็มาตั้งฐานบินฝึกซ้อม ก็ไปทำสัญญาเอาไว้มิใช่หรือ ครั้งที่เอาญาติพี่น้องมาดำรงตำแหน่งใหญ่โตทางการทหาร ช่างทำเรื่องชั่วได้ใจจริงๆ ช่างดูถูกผู้รักชาติคนไทยกันจนเกินไป เห็นพวกเรากินแกลบแทนข้าวหรือยังไง ก็ไม่อยากจะนึกถึงคำของหมอดูทั้งหลายที่ได้ทำนายไว้ อ่านคราใดขนลุกขนชันครานั้น มันจะไม่ใช่ไม่ได้กลับบ้านมาเท่านั้นเสียแล้วละ
       
       “เหลี่ยมร้าย” เอ๊ย กล้าหรือเปล่า ใจถึงหรือเปล่า ถามจริงๆ เหอะ ว่าเป็นคนมีอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ หรือ หรือแค่ก่อเรื่องป่วนเพื่อประโยชน์แห่งตน ทั้งก่อนที่จะสั่งสมุนให้ก่อเรื่องในไทยครั้งใดก็จะให้ลูกๆ เมียๆ เผ่นออกไปตั้งหลักต่างประเทศ ก็แค่ดีแต่หลอกใช้คนอื่นๆ ให้มาเสี่ยงชีวิตตายแทน ถ้าแน่จริงเหมือนที่เคยประกาศไว้ ให้ขี่เครื่องบินมาลงที่เชียงใหม่บ้านเกิด แล้วนำทัพคนเสื้อแดงเข้ามาเมืองหลวงได้เลย
       
       กล้าๆ หน่อย “เหลี่ยมร้าย” เอ๊ย จะมัวไปหลอกใช้คนนั้นคนนี้ทำตัวเหมือน “พระยาละแวก” (ขะแมร์) กลับชาติมาเกิดยังไงยั้งงั้น จะทำศึกทั้งทีก็ไม่ทำให้สมฐานะผู้นำที่เคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ไหนว่าสู้เพื่อเป็นประชาธิปไตยไงละ ทำไมไม่เข้ามานำมวลชนเอง เรื่องมันจะได้จบๆ กันไปเสียที. 
       ...........................................
       
       โดย..ทัพหน้า


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th  : 5 มิถุนายน 2555 15:29 น.




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น